บจ. mai รายงานผลการดำเนินงาน ครึ่งปีแรก 2566 ยอดขายรวม 95,183 ล้านบาท

Green Share!

บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) รายงานผลการดำเนินงานงวดสะสม 6 เดือนแรกปี 2566 มียอดขายรวม 95,183 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.3% ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานรวม 5,550 ล้านบาท ลดลง 14.1% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มสูงขึ้น 14.5%

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนใน mai จำนวน 200 บริษัท คิดเป็น 97% จากทั้งหมด 207 บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC และบริษัทที่ปิดงบไม่ตรงงวด) นำส่งผลการดำเนินงาน โดยงวดสะสม 6 เดือน ปี 2566 พบ บจ. รายงานกำไรสุทธิจำนวน 135 บริษัท คิดเป็น 68% ของบริษัทที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด

ผลการดำเนินงานครึ่งแรกปี 2566 ของ บจ. mai เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มียอดขายรวม 95,183 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.3% ต้นทุนขาย 71,014 ล้านบาท ลดลง 0.3% โดย บจ. สามารถควบคุมต้นทุนได้ดี ทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) เพิ่มขึ้นจาก 24.2% เป็น 25.4% อย่างไรก็ดี เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มสูงขึ้น 14.5% ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานลดลง 14.1%  อยู่ที่ 5,550 ล้านบาท โดย บจ. มีกำไรสุทธิรวม 1,503 ล้านบาท ลดลง 70.9% เนื่องจากครึ่งแรกปี 2566 มีรายการบันทึกค่าใช้จ่ายขาดทุนจากรายการพิเศษและการตั้งด้อยค่าของ บจ. แห่งหนึ่ง มูลค่า 1,999 ล้านบาท  ขณะที่งวดเดียวกันปีก่อนหน้า มีการบันทึกกำไรจากการขายโรงไฟฟ้าของ บจ. แห่งหนึ่ง มูลค่ารวม 1,423 ล้านบาท หากไม่นับรวมรายการพิเศษขนาดใหญ่ดังกล่าว ครึ่งแรกปี 2566 ของ บจ. mai มีกำไรสุทธิลดลง 26.7%

ด้านผลประกอบการไตรมาส 2/2566 บจ. มียอดขายรวม 47,028 ล้านบาท ลดลง 2.0% ต้นทุนขาย 35,173 ลดลง 2.9% ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 24.5% เป็น 25.2% อย่างไรก็ดี การที่ บจ. มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มสูงขึ้นถึง 15.6% ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานลดลง 35.1% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

“ครึ่งแรกปี 2566 แม้ บจ. ส่วนใหญ่มียอดขายเพิ่มขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับคืนสู่ภาวะปกติและมีการปรับเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายพนักงานทั้งอัตราค่าจ้างและกำลังคน ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานลดลง อย่างไรก็ดี พบ 3 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังคงเติบโตทั้งยอดขาย กำไรจากการดำเนินงาน และกำไรสุทธิ ได้แก่ กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มธุรกิจการเงิน” นายประพันธ์กล่าว

ในส่วนของฐานะทางการเงิน บจ. mai มีสินทรัพย์รวม 325,293 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.0% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E ratio) อยู่ที่ 0.80 เท่า ลดลงจากปี 2565 ที่เท่ากับ 0.82 เท่า

ปัจจุบันมี บจ. ใน mai 207 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 24 สิงหาคม 2566) ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 481.94 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (market capitalization) อยู่ที่ 484,408.17 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 2,599.47 ล้านบาทต่อวัน  

“SET…Make it Work for Everyone”


Green Share!

Comments

No comments yet. Why don’t you start the discussion?

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *