
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เป็นประธานเปิดงานแถลงข่าวกิจกรรม “สวัสดีซีเกมส์ เชียร์มวยไทยในบ้านเรา” โดยมี นายพัฒพงศ์ พงษ์สกุล ผู้ตรวจราชการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คณะผู้บริหาร กกท. สื่อมวลชน และแฟนกีฬามวยไทย ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เข้าร่วมกันอย่างคับคั่ง ณ Rajadamnern Stadium เวทีราชดำเนิน
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่เพื่อต้อนรับทัพนักกีฬา นักท่องเที่ยว และเตรียมการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ในครั้งนี้ ให้เป็นที่น่าจดจำในทุกภาคส่วน และสำหรับทัพนักกีฬามวยไทยของเรา มีความพร้อมอย่างเต็มศักยภาพทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ และจะสามารถคว้ารางวัลเหรียญทองเพื่อสร้างเกียรติประวัติให้แก่ประชาชนชาวไทยได้อย่างแน่นอน สำหรับการแข่งขันมวยไทย ได้แบ่งประเภทการแข่งขันออกเป็น 2 ประเภท คือ มวยไทย และไหว้ครู ซึ่งการแสดงไหว้ครูมวย ได้รับการบรรจุในการแข่งขันครั้งนี้ด้วย เราเชื่อมั่นในศักยภาพของนักกีฬาทุกคนที่จะร่วมสร้างผลงานและนำเหรียญรางวัลมาสู่ประเทศชาติ จึงขอเชิญชวนประชาชนชาวไทยร่วมกันเชียร์นักกีฬามวยไทยและนักกีฬาไทยในทุกชนิดกีฬาให้สุดพลัง ให้โลกเห็นว่าที่นี่คือ Home of Muay Thai”
สำหรับกิจกรรม “สวัสดีซีเกมส์ เชียร์มวยไทยในบ้านเรา” จัดขึ้นเพื่อตอกย้ำบทบาทของประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพมหกรรมกีฬาซีเกมส์และศูนย์กลางของมวยไทยในภูมิภาคอาเซียน พร้อมเผยแพร่มวยไทยและอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมให้เป็นที่ประจักษ์สู่สายตาชาวโลก
อีกทั้งยังมุ่งส่งเสริมภาพลักษณ์ของมวยไทยอันเป็นสัญลักษณ์ความเป็นไทย ที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และวัฒนธรรมของประเทศ ตลอดจนเป็นการสร้างบรรยากาศแห่งความสามัคคีและระดมแรงเชียร์จากคนไทยทั่วประเทศ เพื่อส่งกำลังใจสนับสนุนนักกีฬาทีมชาติไทยในทุกชนิดกีฬาอย่างพร้อมเพรียง
โดยไฮไลต์สำคัญของการจัดงานในครั้งนี้คือ การแสดงรำไหว้ครูมวยไทย นำแสดงโดย “บัวขาว บัญชาเมฆ” นักมวยไทยระดับโลก ถือเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของวงการมวยไทย ซึ่งช่วยตอกย้ำบทบาทของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางมวยไทยและเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันดีงามของชาติ
การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทย ร่วมกันส่งแรงเชียร์และเป็นเจ้าภาพที่อบอุ่นต้อนรับนักกีฬาจากทั่วภูมิภาค ในการแข่งขันมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ตั้งแต่วันที่ 9 – 20 ธันวาคม 2568 ที่ กรุงเทพ ชลบุรี และสงขลา โดยสามารถรับชมการแข่งขันกีฬามวยไทย แบบติดขอบเวทีได้ตั้งแต่วันที่ 13 – 19 ธันวาคม 2568 ณ อาคารโรงยิม 1,000 ที่นั่ง สนามกีฬาเมืองหลักภาคใต้ (พรุค้างคาว) และสามารถรับชมการถ่ายทอดสดผ่านทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) สถานีโทรทัศน์เพื่อการท่องเที่ยวและกีฬา (ทีสปอร์ต 7) รวมถึงสื่อพันธมิตรอีกมากมายที่จะเข้าร่วมถ่ายทอดสดกว่า 30 ชนิดกีฬา เพื่อให้ประชาชนได้รับชมและร่วมเชียร์นักกีฬาไทยได้อย่างใกล้ชิด ไม่พลาดทุกวินาทีสำคัญที่นักกีฬาไทยลงสนาม






