

วันนี้ (15 กุมภาพันธ์ 2565) ณ ตึกสันติไมตรี ทําเนียบรัฐบาล นายพิพัฒน์ รัชชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมด้วย นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. นำคณะ ผู้บริหารหน่วยงานและองค์กร เข้าถ่ายภาพร่วมกับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อประชาสัมพันธ์โล่ประกาศเกียรติคุณและประกาศนียบัตรแก่หน่วยงานหรือองค์กรท่ีมียอดสะสมแต้ม ความอยู่รอดของผู้ประกอบการ (Survival Point) ซึ่งเป็นผู้มีคุโณปการต่ออุตสาหกรรมท่องเท่ียวไทย ภายใต้ โครงการ “Workation Thailand ทํางานเที่ยวได้ รวมใจช่วยชาติ” สูงสุด 11 อันดับแรก หรือระดับ Legendary และ Gold เพื่อเป็นการสร้างกําลังใจให้กับหน่วยงานและองค์กรในการสนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยต่อไป ในภายภาคหน้าโครงการ “Workation Thailand ทํางานเท่ียวได้ รวมใจช่วยชาติ” ดําเนินงานโดย กระทรวงการท่องเท่ียว และกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภายใต้การบริหารงานพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เล็งเห็นถึงความสําคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยในฐานะฟันเฟืองสําคัญในการสร้างรายได้เพื่อ พัฒนาประเทศอย่างย่ังยืนในหลายมิติ จึงกําหนดแนวคิด “Working Outing & Meeting from Somewhere เปลี่ยน ทุกที่ของประเทศไทยให้กลายเป็นที่ทํางาน พบปะ พูดคุย สังสรรค์และจัดประชุม ท่ามกลางบรรยากาศที่แตกต่างไป จากเดิม เพื่อกระตุ้นให้เกิดการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้มากยิ่งขึ้น



สําหรับผู้ประกอบการที่มียอดสะสมแต้มความอยู่รอดสูงสุด 11 อันดับในระดับ Legendary และ Gold ที่ได้รับประกาศเกียรติคุณและประกาศนียบัตร ได้แก่ 1. บริษัท ปตท.สํารวจและผลิตปิโตรเลียม จํากัด (มหาชน) 2. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 3. ธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) 4.สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 5.สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ 6.บริษัท ไทยออยล์ จํากัด (มหาชน) 7.บริษัท ปตท. จํากัด (มหาชน) 8. บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จํากัด (มหาชน) 9. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 10. บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จํากัด (มหาชน) และ 11. บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จํากัด
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการถึง 885 ราย ผู้มีคุโณปการต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย จํานวน 117 ราย โดยโครงการ Workation Thailand มียอดขายรวมทั้งสิ้น 154,507,000 บาท สร้างผลประโยชน์ทางเศรษกิจโดยรวมไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท
