
แต่กลับชี้วัดจาก “คุณภาพของการใช้จ่าย” “คุณภาพของประสบการณ์” และ “คุณภาพของผลกระทบ” ที่ปลายทางได้รับ
ภาพจำที่เคยเชื่อกันว่าการท่องเที่ยวไทยจะต้องวิ่งตามสถิติตัวเลขให้สูงขึ้นทุกปี กำลังถูกท้าทายโดยความเป็นจริงใหม่ นักเดินทางรุ่นใหม่ไม่ได้ถามว่า “ปีนี้มีคนมาเที่ยวกี่ล้าน” แต่กลับถามว่า “ปลายทางนี้ให้ประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครแค่ไหน” และ “เงินที่ฉันจ่ายไปกลับไปสู่ชุมชนและสิ่งแวดล้อมอย่างไร”
การระบาดของโควิด-19 คือจุดพลิกผันสำคัญ

โลกได้เรียนรู้ว่าระบบท่องเที่ยวที่ยืนอยู่บนจำนวนมหาศาล แต่เปราะบางต่อวิกฤต ไม่ใช่คำตอบของอนาคต
เมื่อเครื่องบินหยุดบิน โรงแรมปิดประตู และเมืองท่องเที่ยวใหญ่กลายเป็นเมืองร้าง
คำถามใหม่จึงดังขึ้นว่า เราจะสร้างการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนกว่าเดิมได้อย่างไร
ในเวลาเดียวกัน ปรากฏการณ์ระดับโลกกำลังพัดเข้าสู่ไทย
ทั้งคลื่นเขียวของ Green Tourism ที่เน้นความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
กระแส Digital Nomads ที่พร้อมย้ายฐานการทำงานไปยังที่ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต
การเติบโตของ Silver Economy ที่ทำให้ผู้สูงอายุคุณภาพพร้อมใช้เงินกับสุขภาพและการพักผ่อนระยะยาว
รวมถึงการมาถึงของ Workation
และ Luxury Travel ที่สะท้อนการผสมผสานระหว่างงาน vs ชีวิต vs การพักผ่อนในรูปแบบใหม่
ประเทศไทยมีต้นทุนที่น้อยประเทศใดเทียบได้ ทั้งภูมิศาสตร์ที่หลากหลาย อัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่ลุ่มลึก ทักษะการบริการที่เป็นเลิศ และชื่อเสียงในฐานะ “Land of Smiles”
สิ่งที่ต้องทำในวันนี้คือการ “รีแบรนด์” และ “รีโพสิชัน” ประเทศให้ก้าวข้ามภาพจำเก่า ๆ ไปสู่การเป็น Premium Destination ที่นักท่องเที่ยวคุณภาพทั่วโลกอยากมาเยือน ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่กลับมาแล้วกลับมาอีก
บทนำนี้จึงเปรียบเสมือนการเปิดม่านสู่ซีรีส์ 10 ตอน ที่จะเจาะลึกมิติใหม่ของการท่องเที่ยวไทย
จากการเดินทางสีเขียว ไปจนถึงการพักผ่อนหรูหรา จากนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพ ไปจนถึงโครงสร้างดิจิทัลอัจฉริยะ
.เพราะการเดินทางในอนาคตไม่ใช่แค่ “ไปถึงจุดหมาย” แต่คือการทำให้ทุกก้าวเดินเต็มไปด้วยความหมาย คุณค่า และความยั่งยืนทั้งต่อผู้เดินทางและเจ้าบ้าน
ขอขอบคุณ
ดร.ณพรรษธ์สรฌ์ เสมสันต์ นักวิชาการอิสระ
นางสาวฐาปนีย์เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท)




