53 ปี กรมวิชาการเกษตร มุ่งขับเคลื่อนภาคเกษตรไทยด้วยงานวิจัยและนวัตกรรม ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทย ก้าวสู่อนาคตอย่างมั่นคงและยั่งยืน


วันที่ 1 ตุลาคม 2568 กรมวิชาการเกษตร จัดงานวันคล้ายวันสถาปนากรมวิชาการเกษตร ครบรอบ 53 ปี โดย ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มอบหมายให้ นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีอ่านสารแสดงความยินดี ณ ห้องประชุม 314 ตึกกสิกรรม กรมวิชาการเกษตร พร้อมชื่นชมการปฏิบัติงานของ กรมวิชาการเกษตรที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนภารกิจตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จนบรรลุผลเป็นรูปธรรมและยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทยให้มั่นคงและยั่งยืน

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มุ่งขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลด้านการเกษตรสู่ความสำเร็จ ภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ “เกษตรกรต้องอยู่ดี สินค้าเกษตรมูลค่าสูง ทรัพยากรเกษตรยั่งยืน” นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาประยุกต์ใช้ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรให้มีคุณภาพได้มาตรฐาน ตอบสนอง ความต้องการของตลาด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รองรับการเปลี่ยนผ่านสู่เกษตรยุคดิจิทัล อันจะนำไปสู่การพัฒนาภาคเกษตรไทยอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยกรมวิชาการเกษตรเป็นหน่วยงานหลักที่ร่วมขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงเกษตรฯ ผ่านการวิจัยและพัฒนาพันธุ์พืช เครื่องจักรกลการเกษตร ปัจจัยการผลิต และเทคโนโลยีนวัตกรรมด้านการเกษตรอันก่อให้เกิดองค์ความรู้และต้นแบบเทคโนโลยีจำนวนมากที่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้จริง

นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2568 กรมวิชาการเกษตร ได้ดำเนินงานสำคัญหลายด้าน ทั้งการวิจัยและพัฒนาพันธุ์พืชใหม่จำนวน 10 พันธุ์ ครอบคลุมพืชไร่และพืชสวนที่ให้ผลผลิตสูง เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และตรงตามความต้องการของตลาด ช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร การขับเคลื่อนเทคโนโลยี Gene Editing เพื่อปรับปรุงพันธุ์พืชให้แข็งแรง ต้านทานโรคและแมลง เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการและลดต้นทุนการผลิต โดยไม่จัดเป็นพืชดัดแปลงพันธุกรรม (GMOs) และได้รับการยอมรับ จากนานาประเทศ การขึ้นทะเบียนชีวภัณฑ์ เพื่อส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์ปลอดภัยลดการใช้สารเคมี ทางการเกษตร การพัฒนาศูนย์กลางเมล็ดพันธุ์ โดยพัฒนาระบบบริการออนไลน์ E–Phyto และยกระดับห้องปฏิบัติการตรวจสอบคุณภาพเมล็ดพันธุ์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและขยายตลาดเมล็ดพันธุ์ไทยสู่ระดับสากล

นอกจากนี้ กรมวิชาการเกษตรยังได้จัดตั้งหน่วยตรวจรับรองคาร์บอนเครดิต ซึ่งนับเป็นหน่วยราชการแรกของไทยที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และองค์การบริหารจัดการ ก๊าซเรือนกระจก เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2568 พร้อมทั้งจัดทำโครงการต้นแบบการจัดทำคาร์บอนเครดิต ภาคการเกษตร ให้สามารถซื้อ–ขายได้จริงในพืชเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร และขับเคลื่อนประเทศให้บรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน การกำกับดูแลควบคุมคุณภาพทุเรียนทั้งระบบ ส่งผลให้การส่งออกในปี 2568 มีมูลค่าสูงกว่า 150,000 ล้านบาท รวมถึงการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ

“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บุคลากรของกรมวิชาการเกษตรมุ่งมั่นสร้างสรรค์งานวิจัย พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เหมาะสมต่อการเกษตรสมัยใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและเปิดโอกาส ให้เกษตรกรไทยเข้าถึงองค์ความรู้ทันสมัย โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและรายได้ของเกษตรกร ให้มั่นคงและยั่งยืน อันเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนภาคการเกษตรของประเทศสู่อนาคต ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์” อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว


Comments

No comments yet. Why don’t you start the discussion?

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *