“เคพเพล” จับมือ “เอเอ็มกรีน” สำรวจโอกาสด้านเชื้อเพลิงคาร์บอนชีวภาพเพื่อความยั่งยืนในเอเชียและตะวันออกกลาง


Mr. Mahesh Kolli, Founder, Greenko (centre) and Ms Cindy Lim, CEO, Keppel Infrastructure

ฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานของเคพเพล คอร์ปอเรชัน ลิมิเต็ด (Keppel Corporation Limited) หรือเคพเพล (Keppel) ร่วมกับเอเอ็ม กรีน (AM Green) ภายใต้การบริหารของผู้ก่อตั้งกรีนโค กรุ๊ป (Greenko Group) บริษัทซึ่งมีฐานอยู่ในเมืองไฮเดอราบัด ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อร่วมกันสำรวจโอกาสในการผลิตเชื้อเพลิงคาร์บอนไบโอเจนิกเพื่อความยั่งยืน เช่นเมทานอลชีวภาพและเมทานอลสีเขียว เอทานอลรุ่นที่สอง (2G) และเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน (SAF)

บริษัททั้งสองร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ระหว่างงาน COP28 ซึ่งจัดขึ้นที่ดูไบ โดยทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันสำรวจหา ประเมิน และพัฒนาโครงการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่สามารถแสวงหาและขุดเจาะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ไบโอเจนิก อย่างน้อยหนึ่งล้านตันต่อปีสำหรับใช้ในการผลิตเชื้อเพลิงที่ยั่งยืนในโรงผลิตของเอเอ็ม กรีน เชื้อเพลิงที่ยั่งยืนเหล่านี้จะทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทดแทนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และสนับสนุนการลดการปล่อยคาร์บอนในอุตสาหกรรมหนักและภาคการบิน

นอกจากนี้ เคพเพลและกรีนโคจะร่วมกันแสวงหาความร่วมมือในห่วงโซ่คุณค่าของโครงการไบโอเมทานอลในอินเดีย โดยโครงการนี้มีเป้าหมายที่จะผลิตไบโอเมทานอลปริมาณ 500,000 ตันต่อปี

เชื้อเพลิงชีวภาพซึ่งได้มาจากวัสดุอินทรีย์ เช่น ชีวมวลของพืชและสัตว์ ถือเป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดที่มีการใช้งานทั่วโลก โดยคิดเป็น 55% ของพลังงานหมุนเวียน และมากกว่า 6% ของแหล่งพลังงานของโลก(1) การผลิตและการเผาไหม้เชื้อเพลิงที่ยั่งยืนช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมาก ทำให้เป็นแหล่งพลังงานที่สะอาดและมีประสิทธิภาพยิ่งกว่า

ปัจจุบัน เคพเพลดำเนินกิจการโรงงานย่อยสลายและหมักแบบไม่ใช้ออกซิเจนที่มีกำลังผลิต 273,750 ตันต่อปีในกาตาร์ ซึ่งเคพเพลออกแบบและสร้างเองในปี 2555 โรงงานแห่งนี้เป็นโรงงานหมักที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพได้เกือบ 110,000 ลบ.ม. ต่อวัน ซึ่งจะถูกดัดแปลงให้เป็นพลังงานไฟฟ้าสีเขียวเพื่อใช้ในการดำเนินงานและส่งออกไปยังโครงข่ายไฟฟ้า นอกจากนี้ เคพเพลยังมีส่วนร่วมในการศึกษาความเป็นไปได้ในการดักจับคาร์บอนทางอุตสาหกรรมสำหรับโรงงานผลิตพลังงานจากของเสียในสิงคโปร์และสหราชอาณาจักรด้วย

คุณซินดี ลิม (Cindy Lim) ซีอีโอฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานของเคพเพล กล่าวว่า “เชื้อเพลิงชีวภาพมีบทบาทสำคัญในการลดการปล่อยคาร์บอนในการดำเนินงานทางอุตสาหกรรมและภาคการบิน ประสบการณ์ของเคพเพลในการจัดการและบำบัดของเสียในครัวเรือนและวัตถุดิบตั้งต้นอินทรีย์ ตลอดจนความรู้ความชำนาญของเราในด้านการจัดการวัฏจักรคาร์บอนอย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นประโยชน์ในความร่วมมือระหว่างเราและเอเอ็มกรีน ความร่วมมือนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อกระตุ้นการพัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพในอนาคตและเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืนในภูมิภาค ซึ่งทำหน้าที่ทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิลได้”

คุณมาเฮช คอลลิ (Mahesh Kolli) ประธานเอเอ็ม กรีน กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมมือกับเคพเพลในครั้งนี้ ซึ่งจะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของอินเดียไปสู่การเป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์ที่มาจากพลังงานทดแทน เช่น เมทานอลสีเขียวและเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน โดยเอเอ็ม กรีน จะใช้แพลตฟอร์มการจัดเก็บพลังงานทดแทนอัจฉริยะ (IRESP) ของกรีนโค เพื่อขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ของท่านนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ที่ส่งเสริมให้อินเดียเป็นผู้นำในการต่อสู้กับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระดับโลก และทำให้เราเป็นองค์กรผู้ผลิตโมเลกุลสีเขียวต้นทุนต่ำที่เชื่อถือได้และมีความยั่งยืน พร้อมขับเคลื่อนอินเดียและโลกบนเส้นทางการลดก๊าซคาร์บอน”

ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการต่อยอดความร่วมมือระหว่างเคพเพลกับกรีนโคในเดือนตุลาคม 2565 เพื่อสำรวจความเป็นไปได้ในการร่วมกันพัฒนาโรงงานผลิตแอมโมเนียที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างน้อย 250,000 ตันต่อปีในอินเดีย โรงงานแห่งนี้คาดว่าจะใช้พลังงานจากโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมรวม 1.3 กิกะวัตต์ เสริมด้วยระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้าด้วยน้ำ

บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ยังสอดคล้องกับการเปิดตัวกลุ่มผู้นำการเปลี่ยนผ่านในอุตสาหกรรม 2.0 (LeadIT 2.0) ที่ประกาศโดยนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ในการประชุม COP 28 ที่ดูไบด้วย โดยกลุ่มผู้นำการเปลี่ยนผ่านในอุตสาหกรรม 2.0 นี้จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาร่วมกันและการถ่ายทอดเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำและความช่วยเหลือทางการเงินไปยังประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่

ความร่วมมือดังกล่าวคาดว่าจะไม่ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อกำไรต่อหุ้นและสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิต่อหุ้นของเคพเพล คอร์ปอเรชั่น สำหรับปีการเงินปัจจุบันของบริษัท


Comments

No comments yet. Why don’t you start the discussion?

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *