ในการประชุมกลุ่มหลักหกรักษ์คลองเปรมประชากรเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2567ที่ผ่านมาซึ่งรศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ รองประธานกรรมการมูลนิธิเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เข้าร่วมประชุมด้วย โดยได้มีการพูดคุยถึงปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศ และแนวโน้มของอุทกภัยในพื้นที่อื่นๆที่จะติดตามมาเช่นภาคอีสานริมแม่น้ำโขง ภาคกลางและปริมณฑล รวมถึงภาคใต้อันเนื่องมาจากมรสุมและปริมาณฝน
รศ.ดร.เสรีกล่าวว่า โอกาสที่ปีนี้น้ำจะท่วมหนักเป็นมหาอุทกภับแบบปี2554นั้นน้อยกว่า10% แต่เมื่อดูอุทกภัยที่เกิดขึ้นที่จังหวัดเชียงรายและภูเก็ตซึ่งโอกาสท่วมต่ำกว่า10%ก็ยังท่วมแล้ว ต้องดูปริมาณฝนประกอบด้วย
โดยปริมาณฝนปัจจุบันภาคกลาง29%มากกว่าค่าเฉลี่ย และฝนปีนี้จะตกยาวไปถึงเดือนธันวาคม คาดว่าจะตกหนักในเดือนพฤศจิกายนจึงต้องติดตามสถานการณ์ในช่วงนั้น
“สำหรับในพื้นที่ตำบลหลักหก อำเภอเมืองปทุมธานี หากฝนตกหนักต่อเนื่องหลายชั่วโมงหรือหลายวัน ก็มีความเสี่ยงจะท่วมเหมือนในปี2565” ดร.เสรีกล่าว
พล.อ.ท.กิตติทัศน์ ภาเจริญอดีตประธานหมู่บ้านวิภาวรรณ ซึ่งตั้งอยู่ริมคลองเปรมประชากร ตำบลหลักหก กล่าวว่า สมาชิกในหมู่บ้านและชาวบ้านในพื้นที่ยังมีความกังวลว่าน้ำจะท่วมเหมือนที่เคยเกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมาส่วนราชการที่มีส่วนรับผิดชอบเกี่ยวข้องกับการป้องกันแก้ไขน้ำท่วมยังไม่ได้ทำอะไรอย่างจริงจัง
นอกจากนี้สภาพแวดล้อมในหลักหกยังมีปัจจัยลบที่เอื้อให้เกิดน้ำท่วมมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะโครงการก่อสร้างบ้านมั่นคงของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน)หรือพอช.ที่ทำการถมคลองเปรมฯเพื่อเพิ่มพื้นที่สร้างบ้านมั่นคง การที่กรมชลประทานปล่อยให้ผู้รับเหมาก่อสร้างตอกเสาเข็มลงในคลองเปรมฯมากกว่า200ต้นเป็นการขวางทางน้ำ การปล่อยให้คลองเปรมฯตื้นเขินโดยไม่มีการขุดลอกคลองมานานกว่า3ปี หรือเทศบาลตำบลหลักหกไม่ตรวจตราการทิ้งขยะหรือการตัดกิ่งไม้ทิ้งลงคลองซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการระบายน้ำ