ข้อมูลจากการรายงาน “The 2024 Global Status Report for Buildings and Construction” โดย UNEP ระบุว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคการก่อสร้างคิดเป็น 1 ใน 5 ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก มากไปกว่านั้นในปี 2565 การก่อสร้างอาคารยังใช้พลังงานโลกกว่าร้อยละ 34 ที่สำคัญในปีเดียวกัน การก่อสร้างอาคารมีการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สูงกว่าร้อยละ 37 ด้วยความเสี่ยงดังกล่าว หากภาคธุรกิจไม่เร่งปรับตัว อุณหภูมิโลกจะมีโอกาสสูงขึ้นตามการคาดการณ์ของสหประชาชาติ สำหรับเบเยอร์ (Beger) ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมสีที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากว่า 6 ทศวรรษ ยังคงมุ่งมั่นและเดินหน้าในการพัฒนาและส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้นวัตกรรมสีที่รักษ์โลก ภายใต้แนวคิด “Eco-Wellness Innovation” หรือ สีนวัตกรรม รักษ์โลก รักคุณ พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการลดการใช้พลังงาน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเป็นแกนกลางที่สำคัญในการร่วมกับพันธมิตร ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงและร่วมสร้างการเปลี่ยนผ่านทางธุรกิจสู่ความยั่งยืนในทุกห่วงโซ่อุปทาน ด้วยความสำคัญดังกล่าวจึงได้เดินหน้าจัดงาน “Future WE, Future WORLD” เพื่อปักธงประกาศ “Net Zero Mission” ร่วมกับพันธมิตรด้านอสังหาริมทรัพย์กว่า 60 องค์กร และมอบประกาศเกียรติคุณให้กับนักพัฒนา พร้อมกันนี้ภายในงานยังได้รับเกียรติจากผู้บริหารบริษัทชั้นนำจากภาคอสังหาฯ ร่วมฉายภาพวิสัยทัศน์ ที่สำคัญยังได้เปิดตัว “Paint CO2Cal” แอปฯคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากการใช้สีทาอาคารรายแรกในไทย พร้อมเผยทิศทางการดำเนินธุรกิจมุ่งสร้างสังคมคาร์บอนต่ำให้กับประเทศไทย
ด้าน ดร.วรวัฒน์ ชัยยศบูรณะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทสีเบเยอร์ กล่าวว่า การจัดงาน “Future WE, Future WORLD” จัดขึ้นเป็นครั้งแรกโดยมีหมุดหมายที่สำคัญในการสร้างความรู้ ความเข้าใจ และข้อมูลที่สำคัญให้กับพันธมิตรในมิติของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอุตสาหกรรมผ่านผลิตภัณฑ์ที่พัฒนามาจากนวัตกรรมของเบเยอร์ ตามกรอบแนวคิด “Eco-Wellness Innovation” เพื่อสร้างสีที่รักษ์โลกและสร้างสรรค์พื้นที่ที่น่าอยู่สำหรับทุกคน ซึ่งล่าสุดเราได้ทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดลพัฒนา “Paint CO2Cal” หรือ แอปพลิเคชันที่สามารถคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากการใช้สีทาอาคารของสีเบเยอร์คูลมากกว่า 1,200 เฉดสี ถือเป็นรายแรกในอุตสาหกรรมสีทาอาคารของไทย ถือเป็นการสร้างมิติใหม่ให้กับอุตสาหกรรมและขานรับต่อการเปลี่ยนผ่านทางธุรกิจบนกรอบพื้นฐานเทรนด์ของผู้บริโภคได้อย่างเท่าทันและสอดรับกับเป้าหมายโลก
ดร.วรวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ดีภายในงานยังได้เชิญชวนพันธมิตรภาคอสัหาริมทรัพย์กว่า 60 องค์กรร่วมกันประกาศเจตนารมย์ “Net Zero Mission” โดยได้รับเกียรติตัวแทนผู้บริหารจาก 10 องค์ในด้านอสังหาริมทรัพย์ร่วมฉายภาพทิศทาง เทรนด์ วิสัยทัศน์ในการเปลี่ยนผ่านทางธุรกิจอย่างยั่งยืน พร้อมกันนี้ยังได้มอบสัญลักษณ์ “Carbon Footprint” ให้กับกลุ่มพันธมิตรที่ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน เพื่อสร้างต้นแบบและแรงบันดาลใจให้กับเครือข่ายทางธุรกิจได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งที่ผ่านมาเบเยอร์ได้มีการจัดตั้ง “Net Zero Innovation & Solution Center” เพื่อเป็นศูนย์กลางให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมก่อสร้างทั้งห่วงโซ่อุปทานมาพัฒนาโครงการต้นแบบในการสร้างธุรกิจคาร์บอนต่ำ
ที่สำคัญงานดังกล่าวถือเป็น Net Zero Event หรือการจัดกิจกรรมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ งานแรกในประเทศไทย โดยได้รับการรับรองจาก องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. ซึ่งสอดรับกับแนวคิดของเบเยอร์ในการเป็นผู้นำ “สีนวัตกรรมรักษ์โลก” ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าเวทีจะเป็นจุดเริ่มต้นและจุดเชื่อมโยงที่สำคัญในการเดินหน้าสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ที่สามารถหวังผลในระยะยาวอย่างเป็นรูปธรรมภายในปี 2593
ด้านนายพงษ์เชิด จามีกรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทสีเบเยอร์ กล่าวว่า สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจ ภายใต้ยุทธศาสตร์ “Paint Beger, Paint The World Green” เบเยอร์ยังคงมุ่งพัฒนาสินค้าควบคู่กับการรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับในวงกว้างอย่าง “เบเยอร์คูล” ถือเป็นกรณีศึกษาที่สำคัญในการค้นคว้าและวิจัยในการพัฒนาเทคโนโลยีที่ดีที่สุดสู่การส่งมอบนวัตกรรมสีทาบ้านเพื่อสร้างสุขภาวะที่ดีในการอยู่อาศัยและเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการสร้างการเปลี่ยนผ่านในภาคอุตสาหกรรมเพื่อร่วมสร้างอาคารรักษ์โลกหรือ “Green Building” ในห่วงโซ่อุปทานทางธุรกิจ
ทั้งนี้สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจต่อจากนี้พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการต่อยอดในการหาเครื่องมือจากเทคโนโลยีที่สำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนให้ลูกค้า คู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการลดการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในการดำเนินธุรกิจ ขณะที่ในมิติของการขยายตลาด เตรียมเพิ่มโอกาสในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น การสร้างประสบการณ์ใหม่ในกลุ่มสินค้าสีนวัตกรรมรักษ์โลก การสร้างการรับรู้แบรนด์เพื่อเข้าถึงลูกค้าในทุกกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายครอบคลุมในทุกช่องทางเพื่อให้เบเยอร์เป็นแกนกลางที่สำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ หรือ Net Zero ในทุกห่วงโซ่อุปทานทางธุรกิจอย่างยั่งยืนสอดรับกับพันธกิจที่สำคัญของเบเยอร์ในการเป็นผู้นำสีนวัตกรรมที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม” นายพงษ์เชิด กล่าวเสริม
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ https://www.beger.co.th/th/
#PaintCO2Cal #PaintBegerPaintTheWorldGreen #FutureWEFutureWORLD#BEGER #สีเบเยอร์ #สีรักษ์โลก