โดย : นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
“สำหรับสถานการณ์ 9 เดือนแรกของปี 2567 (เดือนมกราคม-กันยายน) มีรายได้จากการท่องเที่ยวกว่า 7 แสนล้านบาท หรือ คิดเป็นร้อยละ 64.6 ของเป้าหมายรายได้คนไทย ซึ่งในไตรมาสสุดท้ายของปีหวังกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวผ่านประเพณีพื้นถิ่นของแต่ละภาค พร้อมั้งวางกลุยทธ์ใช้ส่อออนไลน์ในการรุกตลาดขนรับพฤติกรรมผู้บิโภคยุใหม่โดยยืดกรอบความยั่งยืนเป็นตัวขับเคลื่อน เน้นย้ำอัตลักษณ์แต่ละภูมิภาคที่มีความโดดเด่นและแตกต่างกันให้สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี มั่นใจกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวไทยได้อย่างคึกคัก” นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เผยถึงทิศทาง แผนงานและการดำเนินงานในช่วง 3 ไตรมาสของปี
นายอภิชัย กล่าวต่อไปว่าไตรมาสสุดท้ายของปี วางกรอบการดำเนินงานจัดแคมเปญ “Thailand Winter Festival” โดยมุ่งสร้างความสุขปลายปี สร้างเสน่ห์ให้ประเทศไทย ผลักดันไทยเป็น World’s Festival Destination รวมเทศกาลส่งมอบประสบการณ์ความสุขในปลายปี ด้วยกิจกรรมใน 7 หมวด ภายใต้แนวคิด 7 “Wonders of Thailand” ได้แก่ เทศกาลลอยกระทง เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เทศกาลดนตรี กีฬา อาหาร วัฒนธรรม และเทศกาลแสงสี ทั้งนี้จะดำเนินงานควบคู่ไปกับการ ฟื้นฟูเศรษฐกิจท่องเที่ยวพื้นที่ภาคเหนือในธีม “เหนือพร้อมเที่ยว”
“โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ททท. ได้จัดงาน “เหนือพร้อมเที่ยว” เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่น ๆ สู่ภาคเหนือ 17 จังหวัด ซึ่งได้นำผู้ประกอบการและสื่อมวลชนจากภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศกว่า 200 คน ร่วมอัพเดทสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว และเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวภาคเหนือ พร้อมกันนี้ได้คิกออฟเปิดตัวแคมเปญ “แอ่วเหนือ…คนละครึ่ง” คาดว่าเมื่อสิ้นสุดปี 2567 จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสู่ภูมิภาคภาคเหนือกว่า 22.13 ล้านคน-ครั้ง และสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวกว่า 164,106 ล้านบาท” นายอภิชัย ขยายความ

นายอภิชัย กล่าวต่อไปว่าปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันความต้องการของนักท่องเที่ยวยุคใหม่เปลี่ยนแปลงอย่างฉับไว จากผลการสำรวจพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวของ ททท. ในครึ่งปีแรก (มกราคม- มิถุนายน 2567) สรุปได้ว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่มีการวางแผนท่องเที่ยวล่วงหน้า และวางแผนท่องเที่ยวเองโดยไม่ผ่านบริษัททัวร์ ให้ความสำคัญกับการหาข้อมูลท่องเที่ยวผ่านสื่อ Social Media ก่อนทริป ระหว่างทริปเดินทาง รวมถึงมีโอกาสรีวิวการท่องเที่ยวของตนเองผ่านสื่อ Social Media หลังออกเดินทางแล้ว กิจกรรมที่สนใจคือ การถ่ายรูป การชิมอาหาร และชมธรรมชาติ และหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่นักท่องเที่ยวให้ความสำคัญประกอบไปด้วย ความยั่งยืน , เทคโนโลยี , การท่องเที่ยวด้วยตนเอง , การท่องเที่ยวจุดหมายปลายทางที่ไม่คุ้นเคย และความยืดหยุ่นและการปรับตัว
นายอภิชัย เน้นย้ำว่าจากปัจจัยและบริบทของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทยเพื่อสร้างประสบการณ์ที่มีคุณค่าและยั่งยืน โดยเน้นการพัฒนากิจกรรมที่ได้มาตรฐานสูงเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพ และส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีชุมชนเพื่อสร้างงานและกระจายรายได้กลับสู่ท้องถิ่น ททท. ยังให้ความสำคัญกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนและส่งเสริมพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่รับผิดชอบ ยุทธศาสตร์นี้ครอบคลุมทั้งด้าน Demand และ Supply ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเพื่อความยั่งยืนในระยะยาว สำหรับตลาดในประเทศ ททท. กระตุ้นให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นและกระจายรายได้สู่ชุมชน โดยเน้นการท่องเที่ยว 365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทยเที่ยวได้ทุกวัน ตลอดทั้งปี และใช้จุดแข็งของซอฟต์พาวเวอร์ไทย (5F: Food, Festival, Film, Fight, Fashion) รวมถึง 5 สิ่งต้องห้ามพลาด (5 Must Do)
“สำหรับการท่องเที่ยวชุมชนมีประโยชน์ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม โดยช่วยสร้างรายได้เสริมจากสินค้าและบริการท้องถิ่น เพิ่มมูลค่าภูมิปัญญาผ่านผลิตภัณฑ์นวัตกรรม และส่งเสริมการใช้วัตถุดิบภายในชุมชน นอกจากนี้ยังช่วยสร้างความสามัคคี กระตุ้นให้คนรุ่นใหม่หันกลับมาพัฒนาท้องถิ่น และเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างนักท่องเที่ยวและชุมชนโดยคำนึงถึงความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม ชุมชนจึงมีบทบาทสำคัญในการจัดการดูแลการท่องเที่ยว เพื่อให้เป็นประสบการณ์ที่เรียนรู้ได้จริง และทิศทางการดำเนินงาน ปีแห่งการท่องเที่ยว Amazing Thailand Grand Tourism and Sport Year จะมุ่งเน้นชูจุดขายอัตลักษณ์แต่ละภูมิภาคที่มีความโดดเด่นและแตกต่างกันให้สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี” นายอภิชัย กล่าวทิ้งท้าย