ข้อมูลด้านกิจกรรมความยั่งยืนของยูนิโคล่ ปี 2568

- เป้าหมายหลักสองประการของยูนิโคล่ด้านความยั่งยืน คือการผลิตเสื้อผ้าที่สอดคล้องกับแนวคิด LifeWear และช่วยสร้างสังคมที่ยั่งยืนผ่านธุรกิจของเรา
- ในกระบวนการสร้างสรรค์ LifeWear เรากำลังเดินหน้าอย่างต่อเนื่องไปสู่ห่วงโซ่อุปทานที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชน เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจเมื่อซื้อเสื้อผ้าของเรา
- LifeWear = a New Industry คือแนวคิดที่ ฟาสต์ รีเทลลิ่ง มองว่า สามารถบริหารระบบซัพพลายเชนทั้งหมดได้ดีขึ้น ควบคุมขั้นตอนการผลิตทั้งหมดได้โดยตรงตั้งแต่ คุณภาพ การจัดซื้อ การผลิต สิ่งแวดล้อม และสิทธิพื้นฐานของแรงงาน
- ในขณะเดียวกัน ยูนิโคล่มีความตั้งใจที่จะเร่งการแสวงหาโมเดลธุรกิจแบบหมุนเวียนมากขึ้น ในแง่ของการลด (reduce) การใช้ซ้ำ (resue) และการรีไซเคิลเสื้อผ้าและทรัพยากร (recycle) เพื่อยืดอายุการใช้งานของ LifeWear อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
- สำหรับฟาสต์ รีเทลลิ่ง บริษัทแม่ของยูนิโคล่ ได้มีการกำหนดเป้าหมายด้านความยั่งยืนและแผนปฏิบัติการสำหรับปีงบประมาณ 2030 โดยมี 2 แกนหลัก ดังนี้:
⮚ ผลิตเสื้อผ้าที่ดีกว่าสำหรับสิ่งแวดล้อม
- ในปีงบประมาณ 2023 เราสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงานของเราเองได้ 69% และลดจากห่วงโซ่อุปทานได้ 10%
- สัดส่วนของวัสดุรีไซเคิลได้เพิ่มขึ้นเป็น 18.2% ในปี 2567
- ตั้งเป้าหมาย “ขยะเป็นศูนย์” (Zero Waste) โดยมุ่งมั่นลดวัสดุเหลือทิ้งเมื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้า
⮚ ผลิตเสื้อผ้าที่ดีสำหรับผู้คนและสังคม
- สร้างความโปร่งใสและความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับของห่วงโซ่อุปทาน (Traceability)
- จัดซื้อวัตถุดิบอย่างมีจริยธรรมและรับผิดชอบ
- เร่งความก้าวหน้าด้านความหลากหลายและการมีส่วนร่วม
- ส่งเสริมโครงการกิจกรรมเพื่อสังคมทั่วโลก
- ด้านกิจกรรมเพื่อสังคมของยูนิโคล่ ปีงบประมาณ 2024 (FY2024) มีผู้ได้รับประโยชน์ทั่วโลกกว่า 2.34 ล้านคน มีการบริจาคสิ่งของ 4.77 ล้านตัว และมูลค่ากิจกรรมการบริจาค 8.2 พันล้านเยน หรือ 1.8 พันล้านบาท
- เสื้อยืดการกุศล Peace for All มีผู้ร่วมสร้างสรรค์ลวดลายทั้งหมด 42 ท่าน มีการจำหน่ายเสื้อยืดไปทั่วโลกจำนวน 6.28 ล้านตัว สร้างยอดบริจาคได้ถึง 1,833 พันล้านเยน (ยอดอัปเดตล่าสุดในเดือนพฤศจิกายน 2567)
- โครงการ “The Heart of LifeWear” เป็นโครงการระดับโลกครั้งนี้เกิดขึ้นจากการที่ยูนิโคล่ตั้งคำถามว่า ‘What makes life better?’ หรือ ‘อะไรที่จะทำให้ชีวิตของเราดีขึ้น?’ เพื่อค้นหาว่าแบรนด์จะสามารถทำกิจกรรมที่เป็นรูปธรรมเพื่อช่วยเหลือสังคมผ่านไลฟ์แวร์ (LifeWear) ได้อย่างไรบ้าง เนื่องในโอกาสครบรอบ 40 ปีของยูนิโคล่ในปี 2567
- โครงการ “The Heart of LifeWear” ตั้งเป้าในการส่งมอบฮีทเทค (HEATTECH) และ เสื้อผ้า LifeWear อื่นๆ จำนวน 1 ล้านตัว แก่ผู้ถูกบังคับให้พลัดถิ่น เด็กๆ ที่ขาดแคลน และผู้ประสบภัยพิบัติทั่วโลก ซึ่ง ยูนิโคล่จะบริจาคเสื้อผ้าโดยคำนึงถึงสภาพอากาศของพื้นที่ของผู้รับบริจาคเป็นสำคัญ

ความคืบหน้าของกิจกรรมด้านความยั่งยืนของยูนิโคล่ ประเทศไทย ในปี 2567
<ภาพรวม>
- ตั้งแต่ปี 2555 ยูนิโคล่ ประเทศไทยได้ริเริ่มโครงการส่งต่อเสื้อผ้ายูนิโคล่ที่ได้รับการบริจาคจากลูกค้า เพื่อส่งมอบให้แก่ผู้ที่ต้องการ โดยได้บริจาคเสื้อผ้าไปแล้วกว่า 78,000 ตัว ให้แก่ผู้คนกว่า 4,500 คน ผ่านองค์กรพันธมิตรต่างๆ เช่น มูลนิธิบ้านร่มไทร จังหวัดเชียงใหม่
- ปี 2563 ยูนิโคล่ ประเทศไทย ร่วมมือกับมูลนิธิบ้านร่มไทร ส่งมอบเสื้อผ้ายูนิโคล่ที่ได้รับการบริจาค ให้แก่ผู้ขาดแคลนในภาคเหนือของประเทศไทย
- ปี 2566 ยูนิโคล่ ประเทศไทย เปิดตัว RE.UNIQLO Studio บริการซ่อมแซมและแปลงโฉมเสื้อผ้าเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่ร้านยูนิโคล่ เซ็นทรัลเวิลด์ ในปี 2567 ลูกค้ากว่า 18% ซื้อเสื้อผ้ายูนิโคล่ และนำมาใช้บริการ RE.UNIQLO Studio ต่อ โดยยอดการบริการของ RE.UNIQLO Studio เพิ่มสูงขึ้นกว่า 194% เมื่อเทียบกับปี 2566
- ปี 2566 โครงการ RE.UNIQLO ‘Warmth for All’ บริจาคเสื้อผ้ากันหนาว 50,000 ตัว เปิดตัวขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยหนาวในภาคเหนือ โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกล เพื่อส่งต่อให้ผู้ที่ต้องการผ่านความร่วมมือกับองค์กรพันธมิตร ได้แก่ มูลนิธิกระจกเงา มูลนิธิบ้านร่มไทร และ UNHCR ประเทศไทย
- ปี 2567 โครงการ RE.UNIQLO ‘Warmth for All’ ดำเนินการมาเป็นปีที่ 2 โดยยังคงมีเป้าหมายการบริจาคเสื้อกันหนาวจำนวน 50,000 ตัว โดยสรุปผลการดำเนินงานได้ดังต่อไปนี้;
- ยูนิโคล่เปิดรับบริจาคที่ร้านยูนิโคล่ทุกสาขาทั่วประเทศ ตลอดทั้งปี
- หนึ่งในปัจจัยความสำเร็จคือความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์กว่า 18 แห่ง ทั้งภาคธุรกิจ และ สถานศึกษา เพื่อขยายจุดรับบริจาคเสื้อผ้านอกร้านยูนิโคล่ ทำให้เกิดการตระหนักรู้ถึงโครงการและการบริจาคในวงกว้างยิ่งขึ้น
- ยูนิโคล่ ได้รับการบริจาคเสื้อผ้ากว่า 122,835 ตัว (เพิ่มขึ้นกว่า 130% จากปี 2566) โดยมีเสื้อผ้าสำหรับเด็กกว่า 15,847 ตัว (เพิ่มขึ้นกว่า 158.2% จากปี 2566) สอดคล้องกับตามความต้องการที่แท้จริงของคนในพื้นที่ ซึ่งมีเยาวชนอยู่จำนวนมาก
- เสื้อหนาวที่ได้รับการบริจาคทั้งหมด ถูกมอบให้กับองค์กรพันธมิตรทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ มูลนิธิบ้านร่มไทร จำนวน 10,000 ตัว เพื่อผู้ที่มีความต้องการในพื้นที่ห่างไกลในจังหวัดเชียงใหม่, มูลนิธิ กระจกเงา จำนวน 20,000 ตัว และ UNHCR จำนวน 20,000 เพื่อผู้ลี้ภัย
- ในส่วนของการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ต้องการเสื้อผ้า
- เดือนเมษายน 2567: ยูนิโคล่ ประเทศไทย ได้บริจาคเสื้อฮู้ดกันยูวีผ้าดรายเอ็กซ์ จำนวน 200 ตัว ให้กับฮีโร่ทีมดับไฟป่าและอาสาสมัครของมูลนิธิกระจกเงา สำหรับใช้ในภารกิจดับไฟป่าในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย
- เดือนตุลาคม – ธันวาคม 2567: ยูนิโคล่ส่งมอบเสื้อผ้ากว่า 8,000 ตัวให้มูลนิธิช่วยเหลือเด็ก หรือ Save the Children และ มูลนิธิกระจกเงา เพื่อช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคใต้
- ยูนิโคล่ ประเทศไทย ได้สานต่อโครงการ The Heart of LifeWear ด้วยการมอบฮีทเทคจำนวน 15,000 ตัว ให้แก่มูลนิธิบ้านร่มไทรและมูลนิธิกระจกเงา มูลนิธิละ 7,500 ตัว เพื่อส่งต่อความอบอุ่นให้กับผู้ประสบภัยหนาวทางภาคเหนือของไทย
<สรุปผลผู้ได้รับผลประโยชน์จากโครงการ RE.UNIQLO>
- มีผู้ได้รับผลประโยชน์กว่า 35,000 คน จากการบริจาคเสื้อผ้าจำนวน 86,802 ตัวในปี 2567
- ตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา ยูนิโคล่ ประเทศไทย ได้บริจาคเสื้อผ้าและส่งเสริมการนำกลับมาใช้ไปแล้วกว่า 1.3 ล้านตัว
<บริจาคเงินจากการขายถุงกระดาษ>
- บริจาคเงินจำนวนหนึ่งล้านบาทที่ได้จากการจำหน่ายถุงกระดาษในร้านยูนิโคล่ แก่มูลนิธิสถาบันราชพฤกษ์ พร้อมจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ที่สวนป่านิเวศอ่อนนุช ภายใต้โครงการ Let’s Grow Together ร่วมกับกรุงเทพมหานคร พร้อมปลูกฝังจิตสำนึกทางสิ่งแวดล้อมให้กับเด็กและเยาวชนที่มาร่วมกิจกรรมปลูกต้นไม้ในปีนี้
<โครงการสนับสนุนเยาวชนไทย>
- ริเริ่มโครงการ UNIQLO NEXT GENERATION DEVELOPMENT PROGRAM ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดยยูนิโคล่ได้จัดกิจกรรมฝึกทักษะฟุตบอลร่วมกับเยาวชนไทยอายุ 8 – 10 ปี กว่า 100 คนในปี 2567 ที่ผ่านมา
<การเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียน 100%>
- นับตั้งแต่ ปี 2564 ยูนิโคล่ยื่นใบรับรองเครดิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 100% หรือที่เรียกว่า I-REC
- รณรงค์ลดการใช้พลังงานที่ร้านสาขาและสำนักงานใหญ่
เป้าหมายและแผนการด้านความยั่งยืนของยูนิโคล่ ประเทศไทย ในปี 2568
<โครงการ RE.UNIQLO Warmth for All>
- ตั้งเป้ารับบริจาค 160,000 ตัว คิดเป็น 130% จากยอดเสื้อผ้าที่ได้รับบริจาคในปี 2567
- สานต่อความร่วมมือกับองค์กรพันธมิตร ได้แก่ มูลนิธิกระจกเงา มูลนิธิบ้านร่มไทร และ UNHCR ประเทศไทย รวมถึงความร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ๆ
<RE.UNIQLO Studio>
- สนับสนุนให้คนไทยใช้ไอเทม LifeWear ที่มีอยู่ให้ยาวนานและยั่งยืนยิ่งขึ้นผ่านบริการ RE.UNIQLO Studio
- สร้างสรรค์ลายปักใหม่ๆ และลายปักในช่วงเทศกาล อาทิ สงกรานต์, Pride Month และคริสต์มาส อย่างต่อเนื่อง
- เน้นบริการอื่นๆ อาทิ บริการปักลาย Sashiko (ซาชิโกะ) ที่เป็นลายแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ซึ่งจะปรับโฉมให้เสื้อผ้าของคุณมีเอกลักษณ์และไม่ซ้ำใคร และการบริการซ่อมแซมเสื้อผ้าตัวโปรดของคุณ
<การจ้างงานพนักงานผู้พิการ>
- ในปี 2567 ยูนิโคล่มีการจ้างงานพนักงานผู้พิการทั้งสิ้น 28 คน
- ในปี 2568 นี้ ยูนิโคล่ตั้งเป้าหมายในการจ้างพนักงานผู้พิการทั้งสิ้น 33 คน
<เดินหน้าสนับสนุนเยาวชนไทย>
- สนับสนุนและสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนไทยผ่านการเล่นกีฬา ภายใต้โครงการ UNIQLO NEXT GENERATION DEVELOPMENT PROGRAM โดยในปี 2568 ยูนิโคล่ตั้งเป้าว่าจะจัดกิจกรรมร่วมกับเยาวชนไทยกว่า 150 คนทั่วประเทศ
<ความร่วมมือกับพันธมิตร>
- ดำเนินการด้านความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อช่วยผลักดันแผนการด้านความยั่งยืนในประเทศไทย
- PM Warrior Award – Kids & Rajapruk Foundation & BMA โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อเสริมสร้างความตระหนักรู้สำหรับเยาวชนไทยในเรื่อง PM 2.5
- ความร่วมมือกับ UNESCO สำหรับโครงการ “Sustaining Our OCEANS”
- ความร่วมมือกับ GC และสาธิตจุฬา สำหรับการนำวัสดุที่ถูกใช้งานแล้วมาใช้งานใหม่อีกครั้ง
<ก้าวสู่เป้าหมายการลดขยะให้เป็นศูนย์ (Zero Waste)>
- ลดการใช้พลาสติกในการขนส่ง โดยรวมบรรจุภัณฑ์เสื้อผ้าเข้าด้วยกันในถุงพลาสติกใบเดียวในการขนส่งจากโรงงานผลิตมายังร้านยูนิโคล่ ซึ่งประเทศไทยจะเริ่มดำเนินการสำหรับสินค้าฤดูร้อนและฤดูใบไม้ผลิในปี 2568 เป็นต้นไป โดยคาดว่าจะช่วยลดปริมาณการใช้พลาสติกได้ถึง 1 ใน 4 ภายในปีนี้
- สนับสนุนให้ลูกค้าใช้ถุงผ้าของตนเอง เพื่อลดการใช้ถุงกระดาษ
- การใช้พลังงานหมุนเวียนทั้งที่ร้านสาขาและสำนักงานใหญ่