SME D Bank จับมือคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ม.ราชภัฏยะลา พัฒนา อ.เบตง จ.ยะลา ขึ้นแท่นแลนด์มาร์คท่องเที่ยวใหม่ประจำภาคใต้ เตรียมสินเชื่อ “SMEs Re-Start” วงเงิน 2,000 ล้านบาท เติมทุนหนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในพื้นที่ยกระดับธุรกิจ รองรับการท่องเที่ยวเติบโต หนุนสร้างงานสร้างรายได้ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับฐานราก เกิดเงินหมุนเวียนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ กว่า 4 หมื่นล้านบาท
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือSME D Bank และคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและอุตสาหกรรมบริการ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากเบตง”
นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า จากศักยภาพของ อ.เบตง จ.ยะลา ที่มีจุดเด่น ชุมชนเข้มแข็งสามัคคี วัฒนธรรมท้องถิ่นโดดเด่น ทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ เป็นเมืองสงบปลอดภัย มีเขตชายแดนติดเมืองเศรษฐกิจของมาเลเซีย ชาวมาเลเซียและสิงคโปร์นิยมเข้ามาท่องเที่ยว ดังนั้น SME D Bank ธนาคารเพื่อเอสเอ็มอีไทย และคณะกรรมการฯ ร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนให้ อ.เบตง ยกระดับเป็นแลนด์มาร์คใหม่ของการท่องเที่ยวประจำภาคใต้ ผ่านมาตรการด้านการเงินและการพัฒนา เพื่อยกระดับธุรกิจของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในพื้นที่ อ.เบตง และใกล้เคียง สร้างประโยชน์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและอุตสาหกรรมบริการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ และยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ให้ดีขึ้น
สำหรับความร่วมมือครั้งนี้ SME D Bank จะสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ผ่านการเติมทุนโครงการ “สินเชื่อ SMEs Re-Start” วงเงิน 2,000 ล้านบาท สำหรับกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง นำไปเสริมสภาพคล่อง ลงทุน ขยาย ปรับปรุงกิจการ หรือสำรองเป็นค่าใช้จ่าย อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 5.5% ต่อปี วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาท ผ่อนนานสูงสุด 10 ปี พร้อมปลอดชำระคืนเงินต้นสูงสุด 2 ปี เป็นต้น ควบคู่กับการสนับสนุนความรู้แนะนำเข้าถึงแหล่งทุน และเชื่อมโยงหน่วยงานพันธมิตร สร้างประโยชน์ให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในท้องถิ่นต่อไป
ขณะเดียวกัน คณะกรรมการฯ จะช่วยสนับสนุนด้านความรู้ นำงานวิจัยที่ได้ศึกษาการพัฒนาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ มาใช้เป็นแนวทางสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในพื้นที่ให้ตรงต่อความต้องการอย่างแท้จริง ก่อให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน เป็นมิตรต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
นางสาวนารถนารี เผยด้วยว่า ที่ผ่านมา SME D Bank ดำเนินภารกิจธนาคารเพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สนับสนุนการท่องเที่ยวชุมชน เช่น จับมือผู้ประกอบการธุรกิจ “แพ 500 ไร่” เข้าไปพัฒนาการท่องเที่ยวพื้นที่เขื่อนเชี่ยวหลาน จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยสนับสนุนเงินทุนและความรู้ เพื่อให้ผู้ประกอบการแพที่พักในเขื่อนเชี่ยวหลาน ยกระดับห้องพัก และปรับปรุงเรือโดยสาร เพิ่มความสะดวก เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว ช่วยให้เขื่อนเชี่ยวหลาน กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติยอดฮิต สร้างรายได้เพิ่มแก่ชุมชนโดยรวม ซึ่ง SME D Bank จะนำโมเดลความสำเร็จดังกล่าว มาปรับใช้เพื่อยกระดับพัฒนาการท่องเที่ยวเบตงต่อไป ด้าน ดร.ณพพงศ์ ธีระวร ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก และอุตสาหกรรมบริการ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา กล่าวว่า ทางคณะกรรมการฯ ต้องขอขอบคุณผู้บริหาร SME D Bank และมีความยินดียิ่งในความร่วมมือครั้งนี้ ซึ่งสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ในการมุ่งขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจฐานรากในท้องถิ่นแบบครบวงจร และเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยความร่วมมือครั้งนี้ จะช่วยกระตุ้นให้มีผู้ประกอบการเอสเอ็มอี พ่อค้า แม่ค้า รวมถึง ผู้ประกอบการรายใหม่ๆ ได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งทุนง่ายขึ้น เพื่อร่วมกันสร้างอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการในพื้นที่เป้าหมายใน ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง และบริเวณโดยรอบทะเลสาบฮาลาบาลา ซึ่งทำให้บรรลุเป้าหมายในการดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเยือน อ.เบตง ไม่น้อยกว่า 2 ล้านคนต่อปี และกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยสินค้าและบริการในท้องถิ่นเฉลี่ยรายละ 5,000 บาท เพื่อนำเงินจากนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่ถึง 10,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี อันจะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนกระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่นอีกถึง 4 เท่า หรือกว่า 40,000 ล้านบาท ทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมทางเศรษฐกิจของ จ.ยะลา หรือ GPP (Gross Provincial Product) โตขึ้นถึง 2 เท่าตัว