“อลงกรณ์” ขานรับข้อเสนอภาคเอกชนร่วมเดินหน้า”ก้าวใหม่ประเทศไทย ก้าวใหม่ประชาธิปัตย์”


ชูธง 12 แนวทางปฏิรูปเศรษฐกิจและการพัฒนาสร้างศักยภาพใหม่ตอบโจทย์อนาคตประเทศไทยภายใต้ยุทธศาสตร์”สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ”

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคฯ และประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความเห็น และข้อเสนอแนะของภาคเอกชน ที่มีต่อความคาดหวังในนโยบายของพรรคการเมืองวันนี้(23 มีนาคม 2566)ว่า

พรรคประชาธิปัตย์เปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วนรวมทั้งมุมมองวิสัยทัศน์ของภาคเอกชนล่าสุดเกี่ยวกับการพัฒนาประชาธิปไตย การพัฒนาประเทศและการพัฒนาเศรษฐกิจซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของพรรคประชาธิปัตย์บนหลักการ 3 ประการคือ อุดมการณ์ประชาธิปไตย นโยบายเศรษฐกิจเสรีนิยมและแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน
“พรรคประชาธิปัตย์เข้าใจในความคาดหวังของภาคเอกชนที่มีต่อนโยบายของพรรคการเมืองในการเลือกตั้งครั้งนี้ซึ่งในส่วนพรรคประชาธิปัตย์มีแนวทางนโยบายอย่างน้อย 12 ประการ เสมือนคานงัดในการสร้างจุดเปลี่ยนประเทศไทย สู่”ก้าวใหม่ ไทยแลนด์”โดยพร้อมร่วมมือกับทุกภาคส่วนโดยเฉพาะภาคเอกชน ได้แก่

  1. การพัฒนาการเมือง โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย
  2. การขจัดคอร์รัปชั่น โดยการสร้างระบบธรรมาภิบาล
  3. การส่งเสริมการแข่งขันทางการค้าที่เสรี และเป็นธรรม ลดการผูกขาดทางเศรษฐกิจ และพลังงาน
  4. การปฏิรูประบบราชการโดยลดอำนาจรัฐ ลดขนาดภาครัฐ

▪มุ่งกระจายอำนาจและทรัพยากรสู่ท้องถิ่นและชุมชน(Community Empowerment)▪การเพิ่มบทบาทภาคเอกชนและชุมชนท้องถิ่นทางเศรษฐกิจ▪การพัฒนาเมือง และชนบท

  1. การปฏิรูปภาคเกษตรด้วยเทคโนโลยี และนวัตกรรม

▪การส่งเสริมเกษตรปลอดภัยและเกษตรอินทรีย์▪การยกระดับเกษตรรายย่อยเป็นเกษตรแปลงใหญ่

▪การพัฒนาระบบสหกรณ์▪การส่งเสริมสตาร์ทอัพเกษตรและ เอสเอ็มอี.เกษตร

▪การส่งเสริมอาหารแห่งอนาคต▪และการทำตลาดเชิงรุก ทั้งออนไลน์และออฟไลน์

  1. การพัฒนาโลจิสติกส์เชื่อมไทย-เชื่อมโลก

▪การเชื่อมระเบียงเศรษฐกิจภายในประเทศและต่างประเทศ

  1. การสร้างฐานการผลิต การแปรรูปการตลาด และกระจายการลงทุนสู่ทุกภูมิภาค

▪ภายใต้ฐานใหม่ 18 กลุ่มจังหวัดโดยเฉพาะคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเกษตร (Agroindustry)

  1. การสร้างคนและการ Reskill-Upskill ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน

▪โดยเฉพาะอุตสาหกรรมใหม่(12 S-Curves)▪การส่งเสริมMSMEและStartupด้วยกองทุนเอสเอ็มอี.▪และการทำงานแบบสร้างสรรค์

  1. สร้างระบบธนาคาร และระบบการเงินของเศรษฐกิจฐานรากด้วย

▪ธนาคารหมู่บ้าน▪ธนาคารชุมชน 80,000 หมู่บ้านและชุมชน 77 จังหวัด▪รวมทั้งส่งเสริมธนาคารเพื่อการลงทุนและเวนเจอร์แคปิตอล

  1. ขับเคลื่อนภาคการผลิต (Real Sector) ภาคบริการภาคการท่องเที่ยวด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรมและซอล์ฟพาวเวอร์(Soft Power)
  2. การปฏิรูปการบริการภาครัฐ ▪โดยปรับปรุง และยกเลิกกฎหมาย กฎระเบียบ ที่เป็นอุปสรรค และภาระทางการค้าธุรกิจและการบริการประชาชน
  3. ส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากข้อตกลงเขตการค้าการลงทุนเสรี (FTA) และกลยุทธ์มินิ เอฟทีเอ.(Mini FTA)ที่มีอยู่เดิมและข้อตกลงใหม่ ▪ปูทางสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการของไทยในเวทีแข่งขันระหว่างประเทศ▪พร้อมกับการใช้กองทุน เอฟทีเอ.รองรับผลกระทบทุกด้าน

นายอลงกรณ์ กล่าวว่า นโยบายเหล่านี้เป็นการสานงานต่อ ก่องานใหม่ อย่างต่อเนื่อง ของพรรคประชาธิปัตย์ เช่น

▪การจัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม 77 จังหวัด และศูนย์ความเป็นเลิฟเฉพาะด้าน 23 ศูนย์

▪เป็นโครงสร้างทางเทคโนโลยีและองค์ความรู้ใหม่ๆ เพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา (R&D)ตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2563

▪เกิดเทคโนโลยีใหม่ 800 นวัต-กรรมถ่ายทอดสู่เกษตรกรและฟาร์มเกษตร

▪การส่งเสริมนิคมอุตสาหกรรมเกษตรอาหารใน 18 กลุ่มจังหวัดบนความร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กรกอ.)

▪การยกระดับเกษตรรายย่อยเป็นเกษตรแปลงใหญ่ 1 หมื่นกลุ่ม

▪การพัฒนาอาหารแห่งอนาคตเช่น โปรตีนจากพืช จากแมลงมีกว่า 1 แสนฟาร์ม

▪การขับเคลื่อนนโยบายดิจิตอลทรานสฟอร์เมชั่น(Digital Transformation)

▪ปฏิรูปกระทรวงเกษตร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารราชการแผ่นดิน และการบริการประชาชนจากอนาล็อค เป็นดิจิตอล

▪การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลบิ๊กดาต้าเกษตรแห่งชาติ (National Big Data Center:NABC) ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563

▪การพัฒนาโลจิสติกส์ด้วยรถไฟจีน-ลาว เปิดบริการขนส่งสินค้าได้ตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2565

▪การปฏิรูประบบบริหารจัดการผลไม้ จนส่งออกทุเรียนผลสดสร้างรายได้ทะลุ 1 แสนล้านเป็นครั้งแรกในปี 2564

การประกันรายได้เกษตรกรพืชเศรษฐกิจหลัก ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และปาล์มน้ำมัน

▪การทำเงินให้ประเทศจากการส่งออกเกือบ 10 ล้านล้านบาท ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าเกษตร และอาหารอันดับ 13 ของโลก ในปีที่ผ่านมา

ทั้งหมด คือ ตัวอย่างส่วนหนึ่งของงานที่ ทำได้ไว ทำได้จริง ในช่วง4 ปีที่ผ่านมา

“เรายังต้องเดินหน้าอย่างรวดเร็ว ด้วยวิสัยทัศน์ กลยุทธ์ และนโยบายใหม่ๆ รวมทั้งการปฏิรูประบบเศรษฐกิจดั้งเดิม พร้อมกับสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่

เป็นเครื่องยนต์แห่งการเติบโตใหม่ (New Growth Engine) ที่ตอบโจทย์อนาคตประเทศไทย ได้แก่

  1. เศรษฐกิจอุตสาหกรรมใหม่(12 S-Curves)
  2. เศรษฐกิจสีเขียว(Green Economy)โมเดล BCG
  3. เศรษฐกิจดิจิตอล(Digital Economy)
  4. เศรษฐกิจสร้างสรรค์(Creative Economy)
  5. เศรษฐกิจสูงวัย(Silver Economy)
  6. เศรษฐกิจเพื่อสังคม(Social Economy)
  7. เศรษฐกิจคาร์บอน(Carbon Economy)

เป็นการพัฒนาที่ยั่งยืน ลดก๊าซเรือนกระจก (GHG) ลดโลกร้อน

ระบบเศรษฐกิจใหม่เหล่านี้เป็นเครื่องยนต์แห่งการเติบโตใหม่(New Growth Engines)

โดยมีอย่างน้อย 12 คานงัด เป็นกลไกการพัฒนาใหม่ๆ จะทำให้นโยบาย และแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ “ยุคอุดมการณ์-ทันสมัย”สามารถทำให้ประเทศไทย ก้าวสู่ประเทศไทยรายได้สูง แก้ปัญหาหนี้สินความยากจน และพร้อมเผชิญหน้ากับปัญหาปัจจุบัน และความท้าทายใหม่ในอนาคต เพื่อสร้างรายได้ใหม่ให้คนไทย และสร้างศักยภาพใหม่ให้ประเทศไทย ทั้งวันนี้ และวันหน้า” นายอลงกรณ์ กล่าวในที่สุด.


Comments

No comments yet. Why don’t you start the discussion?

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *