
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยพาร์เซิล จำกัด (มหาชน)
“สำหรับ TPL เราดำเนินธุรกิจขนส่งสินค้า มาตั้งแต่ 2547 โดยเปิดให้บริการศูนย์รับและกระจายสินค้าประเภท B2B และขยายศูนย์รับและกระจายสินค้าจำนวน 12 แห่ง เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ จากนั้นขยายธุรกิจมาอย่างต่อเนื่องประสบความสำเร็จในการสร้าง HUB กระจายสินค้าครบทุกภูมิภาค และพัฒนาต่อเนื่องกระทั่งปี 2561 เป็นผู้บริการรายแรกๆ ที่ให้บริการแบบ Cash on Delivery หรือ COD และ E-Payment โดยเริ่มจากกลุ่มลูกค้า E-Commerce ซึ่งปัจจุบันนี้ TPL มีสำนักงานและสาขาทั้งหมดกว่า 120 สาขาทั่วประเทศ พนักงานกว่า 700 คน จำนวนรถขนส่งในระบบกว่า 400 คัน และปริมาณสินค้าที่ขนส่งในปัจจุบันประมาณ 3.5-6 แสนชิ้นต่อเดือน” นายภัทรลาภ ทวีวงศ์ ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยพาร์เซิล จำกัด (มหาชน) หรือ TPL เผยถึงเส้นทางและภาพรวมธุรกิจ
หุ้น TPL ได้เข้าซื้อขายหลักทรัพย์วันแรกเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมาในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) กลายเป็นหุ้น IPO น้องใหม่ โดยพร้อมให้บริการด้านโลจิสติกส์ในประเทศไทยสำหรับทั้งภาคธุรกิจและบุคคลทั่วไป มีจุดแข็งในการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก หลากรูปทรง ส่งถึงบ้าน ด้วยโปรไฟล์ของสินค้าที่ TPL จัดส่งทำให้ TPL อยู่ใน Niche Market ของตลาด Logistics ในประเทศไทย ภายใต้สโลแกน “ส่งหนัก ส่งใหญ่ ส่งทั่วไทย ใช้ TP Logistics”
โดยทาง นายภัทรลาภ ขยายความถึงประเด็นดังกล่าวได้อย่างน่าสนใจ โดยระบุว่า ผมขอขอบคุณ นักลงทุนที่ให้การต้อนรับหุ้น TPL อย่างอบอุ่น โดยมีทีมผู้บริหารและพนักงานให้คำมั่นว่าจะทำงานด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคง ตลอดจนสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น ภายหลังจากการระดมทุนในครั้งนี้จะทำให้บริษัทฯ เป็นที่ยอมรับทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ พร้อมเดินหน้าลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในการให้บริการอย่างต่อเนื่อง โดย TPL ให้บริการจัดส่งพัสดุทุกขนาด มีความโดดเด่นในด้านการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก และมีรูปทรงที่หลากหลาย (Odd Size / Over Size) ในประเทศไทย จึงได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้บริการมาอย่างยาวนาน จากการขนส่งสินค้าได้ตรงตามกำหนดเวลา มีราคาที่เหมาะสม ทั้งยังสามารถตรวจเช็กสถานะขนส่งได้อย่างแม่นยำ
เมื่อถามถึงเป้าหมายต่อจากนี้ นายภัทรลาภ เล่าว่า TPL มีแผนที่จะลงทุนในศูนย์คัดแยกและกระจายสินค้าระดับภูมิภาค (Regional Hub) ที่จังหวัดนครสวรรค์ นครราชสีมา สุราษฎร์ธานี และการลงทุนในศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Center) ในเขตกรุงเทพมหานคร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการคัดแยกและกระจายสินค้า โดยตั้งเป้าหมายจะสามารถเพิ่มศักยภาพการจัดส่งสินค้าเต็มความสามารถได้อีกเท่าตัวภายใน 3 ปี รวมทั้งมั่นใจว่ากลุ่มพันธมิตรที่ร่วมถือหุ้น จะช่วยสนับสนุนและเพิ่มโอกาสต่อยอดธุรกิจได้ในอนาคต
“เราวางเป้าสู่การเป็น “Green Logistics” ตามแผนการลงทุนในยานพาหนะที่เป็นรถขนส่ง EV ทั้ง 6 ล้อและ 4 ล้อ รวมถึงการสร้างสถานีชาร์จ เพื่อใช้ในการขนส่งสินค้าในพื้นที่กรุงเทพมหานครและภาคกลาง ที่คาดว่าจะสามารถลดต้นทุนพลังงานเชื้อเพลิงได้กว่า 50% ช่วยสนับสนุนให้รายได้และกำไรเพิ่มขึ้น ซึ่งปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 15-20% ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าการขับเคลื่อนในครั้งนี้ของ TPL จะสร้างการเปลี่ยนผ่านและยกระดับอุตสาหกรรมขนส่งสินค้าของไทยให้พร้อมต่อการบริการที่มากขึ้นไปอีกขั้น อย่างที่เราเน้นย้ำวันนี้ เป้าหมายของเราคือ ส่งหนัก ส่งใหญ่ ส่งทั่วไทย ใช้ TP Logistics” นายภัทรลาภ กล่าวทิ้งท้าย