ดร.สุธิมา เทียนงาม หัวหน้ากลุ่มงานวิจัย ส่งเสริมการบริการวิชาการ และส่งเสริมทะนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม สถาบันวิทยาลัยชุมชน (สวชช.) กล่าวว่า โครงการนี้สถาบันวิทยาลัยชุมชนได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) เพื่อแก้ปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำในพื้นที่จังหวัดชัยนาท โดยมีคำถามสำคัญคือ คนจนอยู่ที่ไหน ทำไมถึงจน จะพาออกจากความยากจนได้อย่างไร
โครงการวิจัย ให้ความสำคัญกับ “ความถูกต้องของข้อมูลคนจน” จุดเริ่มต้นของการแก้ไขปัญหาความยากจน มาจาก “กระบวนการค้นหาคนจนที่แม่นยำ” ทำให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง สามารถค้นพบคนจนที่ต้องได้รับการช่วยเหลือจริง ๆ โดยความเห็นพ้องร่วมกันของทั้งตัวคนจน และคนในชุมชน ตลอดจนหน่วยงานในพื้นที่ นำไปสู่การร่วมมือจากทุกภาคส่วนร่วมกันออกแบบปฏิบัติการแก้จนได้ตรงกับฐานทุนและศักยภาพของครัวเรือนคนจน สามารถแก้ไขปัญหาความยากจนได้ต่อเนื่องและเบ็ดเสร็จ
“ข้อมูลที่แม่นยำ สู่การแก้จนแบบเบ็ดเสร็จ” ทำให้เกิดเวทีบูรณาการความร่วมมือ “สรรคบุรีโมเดล พลังท้องถิ่น พลังชุมชน สู่การแก้ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน” จากข้อมูลคนจนจังหวัดชัยนาทพบว่าส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุถึงร้อยละ 36.68 รวมถึงมีภาวะเจ็บป่วยเรื้อรังและพิการ นำไปสู่การพัฒนายุทธศาสตร์แก้ปัญหาความยากจนระดับพื้นที่ โดยการบูรณาการแก้จนระหว่างองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยนาท พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชัยนาท อำเภอสรรคบุรี ท้องถิ่นอำเภอสรรคบุรี โรงพยาบาลสรรคบุรี สาธารณสุขอำเภอสรรคบุรี องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 9 แห่ง ในอำเภอสรรคบุรี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำชุมชน ร่วมกันพัฒนาคุณภาพชีวิตครัวเรือนคนจนพึ่งพิงอำเภอสรรคบุรีให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้โดยได้มีข้อสรุปการช่วยเหลือเร่งด่วน 3 ประเด็นหลัก คือ การปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้เหมาะสม การช่วยเหลือดูแลฟื้นฟูด้านสุขภาพ และการจัดหากายอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต
นายอนุสรณ์ นาคาศัย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด กล่าวว่า ข้อมูลคนจนจากโครงการจะนำไปสู่การแก้จนยกอำเภอภายใต้ “สรรคบุรีโมเดล” ซึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยนาทยินดีสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพระดับจังหวัดให้เกิดการช่วยเหลือคนจนกลุ่มนี้ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม และเป็นต้นแบบการช่วยเหลือให้กับอำเภออื่น ๆ ต่อไป
