CPHI South East Asia 2024 แพลตฟอร์มผลักดันไทย
สู่ความเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ Medical Hub และส่งเสริมความมั่นคงทางการยาในภูมิภาค


• CPHI South East Asia 2024 งานแสดงสินค้าเทคโนโลยี นวัตกรรมสำหรับอุตสาหกรรมยาแห่งเอเชีย ร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ Medical Hub ดึงภาคเอกชนที่มีศักยภาพเข้าร่วมงาน
• ทีแมน บริษัทผลิตยาและให้บริการด้านสุขภาพของประเทศไทย ที่มีแบรนด์ในพอร์ตโฟลิโอทั้งในกลุ่มเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์นวัตกรรมสุขภาพที่ยกระดับชีวิตให้ดีขึ้น ตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพในอนาคต
• เกร๊ทเตอร์ ฟาร์ม่า ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าเวชภัณฑ์ รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภคของไทย พร้อมจัดทัพโชว์งานวิจัยและพัฒนา ขับเคลื่อนนวัตกรรมสเต็มเซลล์รายแรกของไทยที่ได้รับอนุญาตจาก อย. ตั้งเป้าขับเคลื่อนองค์กรสู่ความเป็นผู้นําด้านนวัตกรรมสุขภาพของอาเซียน สร้างมูลค่าธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพของไทยสู่อาเซียนและตลาดโลก
• เตรียมจัดทัพสินค้าร่วม CPHI South East Asia 2024 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 10 – 12 กรกฎาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

อินฟอร์มา เตรียมจัด CPHI ผลักดันไทยสู่ Medical Hub

นางสาวรุ้งเพชร ชิตานุวัตร์ ผู้อำนวยการกลุ่มโครงการภูมิภาคอาเซียน อินฟอร์มา มาเก็ตส์  และผู้จัดการทั่วไป – ฟิลิปปินส์ ในฐานะผู้จัดงาน “ซีพีเอชไอ เซาธ์ อีสต์ เอเชีย 2024 (CPHI South East Asia 2024) เปิดเผยว่า “ด้วยมูลค่าตลาดประมาณ 225 พันล้านบาท ประเทศไทยจึงเป็นหนึ่งในตลาดเภสัชกรรมชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าทำให้ยามีราคาไม่แพงและเข้าถึงได้มากขึ้น ซึ่งส่งผลให้มูลค่าตลาดยาในประเทศไทยเพิ่มขึ้น อีกทั้งรัฐบาลยังได้เสนอแผนยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการแพทย์ในเอเชีย เพื่อดึงดูดผู้ป่วยชาวต่างชาติและนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ คาดว่าจะมีส่วนสนับสนุนอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ รวมทั้งเป็นโอกาสที่สำคัญสำหรับบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลาง (MSMEs) ในภาคเภสัชกรรมที่จะเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจและการแข่งขันให้องค์กร”

การจัดแสดงงานในปีนี้เป้าหมายสำคัญ คือการร่วมเป็นส่วนหนึ่งที่จะสร้างความมั่นคงทางการยาของประเทศไทย เพื่อช่วยขับเคลื่อนสุขภาพและเศรษฐกิจ ให้ก้าวไปสู่ การเป็น Medical Hub ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยมาตรฐานการผลิตยาในประเทศไทยนั้น มีมาตรฐานในระดับสากลพร้อมแข่งขันในการเป็นผู้ผลิตยาสู่ตลาดต่างประเทศ ในปีนี้ จัดมีการจัดแสดงงานคู่กับ“Medlab Asia & Asia Health 2024” เพื่อให้ครอบคลุมทั้งอุตสาหกรรมยา อุปกรณ์ในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ เครื่องมือแพทย์ และการดูแลสุขภาพอย่างครบวงจร ซึ่งงาน “CPHI South East Asia 2024” และ“Medlab Asia & Asia Health 2024” จะเป็นตัวกลางที่เชื่อมโยงศักยภาพของภาคส่วนในอุตสาหกรรมยาไทยให้เป็นที่ประจักษ์ในสายตาของนานาชาติ ภายใต้คอนเซ็ป  International Healthcare Week ที่มุ่งเน้นการสร้างศักยภาพการพัฒนาระบบและการดูแลสุขภาพครบวงจร

ทีแมน ร่วมเคลื่อนทัพผลิตภัณฑ์สู่เฮลท์แคร์แถวหน้าของไทย

ด้าน ภก.ประพล ฐานะโชติพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีแมน ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (มหาชน) หรือ ทีแมน ธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพแบบครบวงจรชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่า กว่า 50 ปีบนเส้นทางผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ด้วยปณิธานมุ่งมั่นผลิตยาเพื่อให้คนไทยได้เข้าถึงยาที่ดีมีคุณภาพ ราคาที่เข้าถึงได้ โดยมีเป้าหมายก้าวเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพแบบครบวงจร

แผนการพัฒนาเพื่อก้าวสู่แถวหน้าในอุตสาหกรรมที่ได้ทำมาอย่างต่อเนื่องนั้น ทีแมน ดำเนินการทั้งคิดค้น วิจัยและพัฒนาเวชภัณฑ์ยาและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ด้วยกระบวนการผลิตยาและการกระจายยาที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP-PIC/S และ GDP PIC/S ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลของอุตสาหกรรมเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และมาตรฐานห้องปฏิบัติการระดับสากล ISO 17025 ระบบมาตรฐานจัดการคุณภาพ ISO, 9000:2001, ISO IEC, GHPs, HACCP, ISO22000 และ ISO 2271 ซึ่งเป็นการพัฒนายกระดับมาตรฐานให้เป็นที่ยอมรับของระดับนานาชาติ พร้อมในการการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ Medical Hub ต่อไป

“นอกจากนี้ ทีแมน ยังให้ความสำคัญในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรม โดยเล็งเห็นโอกาสที่ประเทศไทยมีจุดแข็ง ผสานกับความเชี่ยวชาญของทางบริษัท และเทคโนโลยี NatureCeutical ซึ่งประยุกต์มาจากเทคโนโลยีการผลิตยาแผนปัจจุบัน เป็นการนำสารสำคัญออกจากวัตถุดิบจากธรรมชาติมาอยู่ในรูปแบบสารสกัด ให้มีฤทธิ์สรรพคุณทางยาที่มีการควบคุมทั้งในด้านประสิทธิภาพ คุณภาพ และความปลอดภัย อย่างเช่นผลิตภัณฑ์บรรเทาอาการเจ็บคอ Propoliz spray spray เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เรานำเทคโนโลยี NatureCeutical มาใช้สร้างสารสกัดจึงทำให้ขึ้นทะเบียนเป็นยาพัฒนาจากสมุนไพร ซึ่งถือได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ Original โดยคนไทย ซึ่งนอกจากตลาดในประเทศแล้ว ทางบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะผลักดันเข้าสู่ตลาดโลกต่อไป” ภก.ประพล กล่าว

โดยแบรนด์พอร์ตโฟลิโอ ของทีแมน ในปัจจุบันมีสินค้าในพอร์ต ภายใต้แบรนด์ของกลุ่มบริษัทฯ รวม 216 แบรนด์และแบรนด์จากบุคคลภายนอกอีก 13 แบรนด์ รวมกว่า 756 รายการ (SKU) แบ่งได้เป็นผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบัน ประกอบด้วยยาสามัญและยาสามัญใหม่ที่มุ่งเน้นการบำบัด รักษาและบรรเทาอาการระบบต่างๆ ของร่างกาย เช่น แบรนด์ Myda กลุ่มผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อรา รักษาโรคผิวหนังจากเชื้อรา กลากเกลื้อน  / แบรนด์ IBUMAN กลุ่มบรรเทาอาการปวดศรีษะ ปวดไมเกรน ลดไข้,  MANMOX กลุ่มยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ฯลฯ

ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์สมุนไพร เช่น แบรนด์ Propoliz (โพรโพลิซ) กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลและช่วยบรรเทาอาการทางช่องปากและลำคอ, แบรนด์ ไอยรา กลุ่มผลิตภัณฑ์บรรเทาอาการไอ ระคายคอ, แบรนด์ปาริฉัตร กลุ่มผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรบรรเทาอาการไอ ขับเสมหะ ฯลฯ

กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอาง เช่น แบรนด์ Vita-C ผลิตภัณฑ์เสริมวิตามินซีเสริมภูมิคุ้มกัน, TMT Whey Protein เวย์โปรตีนเสริมสมรรถภาพสำหรับนักกีฬาและผู้รักสุขภาพ และเครื่องสำอางสำหรับดูแลและบำรุงผิว เช่น แบรนด์ Falete ครีมลดเลือนฝ้า จุดด่างดำ และปรับสภาพผิว, แบรนด์ Aloe Derma เจลบรรเทาอาการแสบร้อน ด้วยสารสกัดบริสุทธิ์ว่านหางจระเข้ ฯลฯ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอื่นๆ เช่น Dr.Temp แผ่นเจลลดไข้ SureDerm Plus เนื้อเยื่อทดแทนที่ใช้ร่วมกับการใช้ซิลิโคนเสริมจมูก ฯลฯ รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ เพื่อดูแลสุขภาพทั่วไปสำหรับทุกเพศทุกวัย เช่น แบรนด์ Polar ที่มีทั้งสเปรย์ปรับอากาศและโฟมล้างมือ เป็นต้น

ทั้งนี้ การสร้างการรับรู้แบรนด์ ทีแมน ในบทบาทของธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพแบบครบวงจร ซึ่งการร่วมงานซีพีเอชไอ เซาท์อีสเอเชีย (CPHI South East Asia 2024) งานที่รวบรวมผู้นำในอุตสาหกรรมเภสัชกรรม พร้อมการจัดแสดงนวัตกรรมด้านบรรจุภัณฑ์ยา โดยมีผู้เข้าชมงานจากหลายกลุ่มอาชีพและจากหลายประเทศในภูมิภาคนี้ ทั้งนักวิทยาศาสตร์ และนักวิจัย ผู้นำเข้าและจำหน่ายเครื่องจักร ผู้ผลิตวัสดุบรรจุภัณฑ์เภสัชกรฝ่ายผลิต และอีกมาก มีส่วนผลักดันให้ทีแมน เป็นที่รู้จักและขยายฐานลูกค้าใหม่ทั้งในประเทศไทยและกว่า 21 ประเทศทั่วโลก เช่น กัมพูชา จีน พม่า มาเลเซีย ลาว เวียดนาม ฮ่องกง เป็นต้น         

เกร๊ทเตอร์ ฟาร์ม่า นวัตกรรมสเต็มเซลล์เจ้าแรกของไทย ตั้งเป้าผู้นําอุตสาหกรรมยาของอาเซียน

ด้าน ภก.ดร.เชิญพร เต็งอำนวย กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท เกร๊ทเตอร์ฟาร์ม่า จำกัด  ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าเวชภัณฑ์ รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภค เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นเมดิคัลฮับ (Medical Hub) จากจุดเด่นด้านบริการทางการแพทย์ที่มีข้อได้เปรียบเรื่องราคา การบริการที่ดี รวมทั้งคุณภาพของบุคลากร โดยเฉพาะแพทย์ทางเลือกและการดูแลฟื้นฟู ทำให้อุตสาหกรรมการแพทย์ของไทยครบวงจร มีแนวโน้มการลงทุนสูงในอนาคต

ขณะที่ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องพึ่งพาการนำเข้ายาจากต่างประเทศเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 65% ของตลาดอุตสาหกรรมยาที่มีมูลค่าสูงถึง 2 แสนล้านบาท โดยมีเพียง 35% เท่านั้นที่เป็นการผลิตยาในไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมยาสำเร็จรูปหรือขั้นปลายน้ำ หรือเป็นการผลิตยาชื่อสามัญ (Generic drug) โดยเป็นการผลิตลอกเลียนสูตรยาต้นตำรับหรือยาต้นแบบจากต่างประเทศที่หมดสิทธิบัตรไปแล้ว ส่วนการผลิตยาขั้นต้นน้ำ หรือยาค้นคว้าขึ้นมาใหม่ และการผลิตยาขั้นกลาง หรือการผลิตวัตถุดิบนั้นยังมีน้อยมาก

กลุ่มบริษัท เกร๊ทเตอร์ ฟาร์ม่า จึงมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัทชั้นนําของอาเซียนในการพัฒนานวัตกรรมด้านสุขภาพและความงาม เริ่มต้นจากการที่บริษัทต้องการที่จะผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์ปัญหาสุขภาพของคนไทย ให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ด้วยราคาที่ยุติธรรม ทดแทนการนําเข้าและยังสามารถสร้างผลกําไรให้กับคู่ค้าได้อย่างยั่งยืน

“เราต้องการเป็นผู้ผลิตยาแบบครบวงจร ตั้งแต่ขั้นต้นน้ำถึงปลายน้ำโดยเฉพาะในยากลุ่มเฉพาะทาง เพื่อทดแทนการนำเข้า เช่น ยากลุ่มผลิตภัณฑ์การแพทย์ขั้นสูง (Advance Therapy Medicinal Products) ยาชีววัตถุ และผลิตภัณฑ์โพรไบโอติกส์ (Probiotic) เป็นต้น” ภก.ดร.เชิญพร กล่าว

ทั้งนี้ แนวทางการพัฒนาในหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล พัฒนาชุดทดสอบและวัคซีนโรคภูมิแพ้ ตั้งแต่กระบวนการเพาะเลี้ยงไรฝุ่น และแมลงสาบ และกระบวนการสกัดเพื่อให้ได้สารสำคัญซึ่งเป็นวัตถุดิบที่จำเพาะต่ออาการแพ้ของคนไทย ตลอดจนกระบวนการผลิตชุดทดสอบและวัคซีนจนได้ผลิตภัณฑ์สู่ตลาดเป็นรายแรกในอาเซียน รวมทั้งเป็นผู้ผลิตรายแรกของ ASEAN ที่เริ่มการวิจัยและพัฒนายากลุ่มผลิตภัณฑ์การแพทย์ขั้นสูง (Advance Therapy Medicinal Products) เช่น สเต็มเซลล์ และการพัฒนา NK cell เพื่อเป็นการรักษาทางเลือกในการรักษามะเร็งจากการที่บริษัทได้รับการอนุมัติใบอนุญาตเพื่อการผลิตอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการอาหารและยากระทรวงสาธารณสุขของประเทศไทย

นอกจากการยกระดับศักยภาพด้านวิจัยและนวัตกรรมแล้ว เกร๊ทเตอร์ฟาร์ม่า ได้ให้ความสำคัญกับการขยายตลาดใหม่ ล่าสุดการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้โดนใจกลุ่มเจเนอเรชั่น Z (Gen Z) มากยิ่งขึ้น โดยดึง ไบร์ท วชิรวิชญ์ ชีวอารี มาเป็นพรีเซนเตอร์ ซึ่งเป็นตัวแทนแบรนด์ในการชวนคนรุ่นใหม่ “มา… ซิงค์ไปกับไบร์ท” พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงานซีพีเอชไอ เซาธ์ อีสต์ เอเชีย 2024 (CPHI South East Asia 2024) เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ และนำเสนอนวัตกรรมใหม่ ๆ ของเกร๊ทเตอร์ฟาร์ม่า ให้กับผู้ที่เข้าชมงาน

“เกร๊ทเตอร์ฟาร์ม่า มุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัทชั้นนําของอาเซียนในการพัฒนานวัตกรรมด้านสุขภาพและความงาม โดยผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์ปัญหาสุขภาพของคนไทย ให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ด้วยราคาที่ยุติธรรม ทดแทนการนําเข้าและสร้างผลกําไรให้กับคู่ค้าได้อย่างยั่งยืน” ภก.ดร.เชิญพร กล่าว

ร่วมเปิดประสบการณ์และเทคโนโลยี นวัตกรรมในอุตสาหกรรมยา พร้อมคว้าโอกาสใหม่ทางธุรกิจก่อนใครได้ที่ งานซีพีเอชไอ เซาธ์ อีสต์ เอเชีย (CPHI South East Asia 2024) งานแสดงสินค้า เทคโนโลยี และการประชุมด้านอุตสาหกรรมการผลิตยา ครบวงจรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จัดวันที่ 10 – 12 กรกฎาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ลงทะเบียนที่ ww.cphi.com/sea


Comments

No comments yet. Why don’t you start the discussion?

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *