อ.ต.ก. ตลาดเกษตรกรคุณภาพที่พร้อมให้เกษตรกรทั่วทุกภูมิภาคมีโอกาสเข้ามาจัดจำหน่าย ประชาสัมพันธ์ และเรียนรู้ระบบตลาดอย่างครบวงจร
“เรา คือ ตลาดเพื่อเกษตรกรไทยที่มุ่งส่งเสริมช่องทางการจัดจำหน่ายอย่างครบวงจรสำหรับผลผลิตทางการเกษตรภายในประเทศทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น รูปแบบของตลาด อ.ต.ก. ช่องทางออนไลน์ผ่าน www.ortorkormarket.com เพื่อส่งต่อแก่ผู้บริโภคทั่วโลกด้วยมาตรฐานและคุณภาพ ขณะเดียวกันยังเสริมสร้างองค์ความรู้และกระตุ้นให้เกิดการต่อยอดจนเกิดเป็นสินค้าเกษตรรูปแบบใหม่ เช่น สินค้าเกษตรอินทรีย์ ตลอดจนสร้างสรรค์โครงการและนโยบายต่างๆเพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาสินค้าเกษตรภายในพื้นที่อย่าง โครงการ 1 จังหวัด 1 อุตสาหกรรมเกษตร รวมทั้งการจัดตั้ง มินิ อ.ต.ก. เป็นต้น ที่สำคัญยังพร้อมเป็นสื่อกลางสำหรับการสร้างความร่วมมือ อาทิ ผนึกกำลัง อ.ส.ค.รุกตลาดนมที่จีน และการพัฒนาแอพพลิเคชั่น ปลูกเองขายเองให้กับเกษตรกรได้มีช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าอย่างครอบคลุมและเข้าถึง” การพูดที่เป็นกันเอง อบอุ่นและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังจาก คุณกมลวิศว์ แก้วแฝก ผู้อำนวยการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.)
คุณกมลวิศว์ ฉายภาพรวมการดำเนินงานภายในปี 2561 ของ อ.ต.ก. ได้อย่างน่าสนใจว่า สำหรับแผนการพัฒนา มินิ อ.ต.ก.หรือร้านสะดวกซื้อที่นำสินค้าจากกลุ่มเกษตรกรที่มีคุณภาพเข้ามาจัดจำหน่ายขณะนี้ขยายสาขาไปแล้วกว่า 10 สาขาตามหัวเมืองต่างๆ โดยตั้งเป้าให้หลากหลายจุดเป็นศูนย์กลาง เช่น จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ปักหมุดสู่การเป็นศูนย์กลางตลาดผลไม้ในภาคตะวันออกของไทย ขณะที่จังหวัดศรีสะเกษวางกรอบการดำเนินงานสร้างให้เป็นศูนย์กลางทุเรียนสายพันธุ์ภูเขาไฟ เป็นต้น โดยทั้งหมดจะต่อยอดสู่การจัดแสดงและสร้าง ตลาดเกษตรเกรดพรีเมี่ยม เพื่อนำเสนอสินค้าเกษตรคุณภาพเยี่ยมจากเกษตรกรไทยทั่วประเทศ
คุณกมลวิศว์ กล่าวต่ออีกว่า นอกจากคัดสรรสินค้าเกษตรคุณภาพเรายังส่งเสริมให้แต่ละจังหวัดสร้างอุตสาหกรรมการเกษตรตามโครงการ 1 จังหวัด 1 อุตสาหกรรมเกษตร เช่น การร่วมมือกับ สวทน.เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มจากเห็ดแครงในจังหวัดสงขลา หรือจะเป็นการร่วมกับทางมหาวิทยาลัยขอนแก่นเพื่อพัฒนาพริกทั้งสายพันธุ์และผลิตภํณฑ์ โดยเฉพาะในรูปแบบของผลิตภัณฑ์นั้นได้ตกผลึกสู่การสร้าง พริกแผ่น ซึ่งคาดว่าจะตอบโจทย์ในอุตสาหกรรมอาหารทั้งในแง่ของปรุงและการใช้งานที่เก็บไว้ได้นาน ลดปัญหาเชื้อราในพริกได้อีกด้วย โดยแต่ละโมเดลการพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตรจะต่อฐานเติมยอดองค์ความรู้ในเชิงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีจากสถาบันการศึกษาและผู้เชี่ยวชาญมาปรับใช้
“อย่างไรก็ตามเรายังพร้อมเป็นสื่อกลางในการสร้างความร่วมมือในเชิงบูรณาการกับหน่วยงานต่างๆ เช่น อ.ต.ก.และ อ.ส.ค.บันทึกข้อตกลงการใช้ทรัพยากรและความร่วมมือระหว่างกันของรัฐวิสาหกิจ เพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการช่วยเหลือเกษตรกร เพิ่มช่องทางการจำหน่าย สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพและความปลอดภัย ก่อให้เกิดการผนึกกำลังในการสร้าง Brand และพัฒนาสู่การเป็น Co-Brand ในอนาคต ที่สำคัญด้วยความเชี่ยวชาญในตลาดส่งออกของ อ.ต.ก.และสินค้านมที่มีคุณภาพจาก อ.ส.ค. คาดว่าจะสามารถรุกตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะจีนได้อย่างแน่นอน” คุณกมลวิศว์ กล่าวเสริม
พร้อมกันนี้ ทาง อ.ต.ก. ยังได้พัฒนาแอพพลิเคชั่น “ปลูกเองขายเอง” โดยจะเป็นสื่อกลางให้กับกลุ่มเกษตรกรที่มีสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพผ่านมาตรฐาน GMP หรือเป็นสินค้าเกษตรอินทรีย์มาฝากขายสินค้าและสร้างฟาร์มของตัวเองผ่านแพลตฟอร์มดังกล่าว โดยนอกจากสินค้าทางการเกษตรที่เกษตรกรสามารถมานำเสนอผ่านภาพถ่ายสดๆจากไร่ ยังสามารถขายต้นกล้าหรือพันธุ์ต่างๆให้กับผู้บริโภคได้อีกด้วย ซึ่งประโยชน์ของแอพพลิเคชั้นดังกล่าวยังเป็นจุดเชื่อมโยงให้ผู้บริโภคเกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย สามารถให้ความรู้ทางการเกษตรกันได้อย่างมีมิตรสัมพันธ์ ตลอดจนก่อเกิดการทดลองปลูกพันธุ์ผลไม้ไว้กับสวนของเกษตรกรผ่านการติดคิวอาร์โค๊ด ซึ่งผู้บริโภคสามารถติดตามและเข้าไปดูแลต้นไม้ของตัวเองได้ ถือเป็นหนึ่งการปลูกฝั่งและเพิ่มแรงบันดาลใจที่ดีในการสร้างเกษตรกรรุ่นใหม่
สำหรับเกษตรกรที่จะเข้าร่วมการจัดจำหน่ายในแพลตฟอร์มนี้สามารถสมัครสมาชิกผ่านแอพพลิเคชั่นดังกล่าว โดยทาง อ.ต.ก.จะเป็นผู้ตรวจสอบและอนุมัติเพื่อคัดสรรผลผลิตทางเกษตรที่มีมาตรฐานสู่ท้องตลาด อย่างไรก็ดีแอพพลิเคชั่น “ปลูกเองขายเอง” นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่เสริมทักษะให้เกษตรกรได้รู้จักนำเอาเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการเพิ่มมูลค่าและกระจายสินค้าสู่ตลาดออนไลน์ นับเป็นการยกระดับและตอกย้ำการเป็น เกษตรกรไทยยุค 4.0 ได้อย่างเหมาะสม
ด้านแผนพัฒนาต่อจากนี้ อ.ต.ก.ยังพร้อมสร้างความร่วมมือเพื่อสร้างช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าทางเกษตรของไทยในอนาคต เช่น พัฒนาช่องทางออนไลน์ให้กับผู้บริโภคชาวจีนได้มีโอกาสซื้อสินค้าสดๆ จาก อ.ต.ก. พร้อมกันนี้อยู่ระหว่างการส่งเสริม พัฒนาและสร้างความร่วมมือกับทางวิสาหกิจชุมชนในการผลิตข้าวออแกนิค รวมทั้งมองหาโอกาสเพิ่มช่องทางการเพาะปลูกแตงโมพันธุ์ศรีสงครามที่กำลังได้รับความสนใจให้เพียงพอต่อความต้องการ เป็นต้น โดยเราตั้งเป้าสู่การเป็น ตลาดสินค้าเกษตรกรไทยที่มีมูลค่าทางเกษตรไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาทในทุกปี หรือไม่น้อยกว่า 20,000 ล้านบาท ภายในปี 2564
“ผลผลิตทางการเกษตรไทยยังมีโอกาสและช่องทางในการพัฒนาอีกหลากหลาย ซึ่งทาง อ.ต.ก. พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสานต่อนโยบายการตลาดนำการผลิต เชื่อมโยงช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมและเป็นสะพานที่เป็นธรรมให้กับเกษตรกรไทยได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีองค์ความรู้ใหม่ๆในการผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพสู่ตลาดโลกต่อไปอย่างยั่งยืน” คุณกมลวิศว์ แก้วแฝก กล่าวทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจ