• กำไรสุทธิโต 106.14% YoY ผลจากการบริหารต้นทุนที่ดีขึ้น
• เล็งหาพลังงานทางเลือกให้กับลูกค้าท่ามกลางราคาพลังงานขาขึ้น
บมจ.เกียรติธนา ขนส่ง หรือ KIAT ผู้นำในการให้บริการด้านการขนส่งวัตถุอันตรายและสินค้าพิเศษที่เน้นความปลอดภัยสูง รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสแรกของปีนี้ มีกำไรขั้นต้นพุ่ง 39.23% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่แล้ว ดันกำไรสุทธิพุ่ง 106.14% จาก 20.19 ล้านบาทในไตรมาแรกของปีที่แล้วมาเป็น 41.62 ล้านบาทในไตรมาสแรกของปีนี้ ในขณะที่รายได้รวมในไตรมาสแรกของปีนี้เติบโตจาก 227.41 ล้านบาทในไตรมาสแรกของปีที่แล้ว มาเป็น 234.49 ล้านบาทในไตรมาสแรกของปีนี้ คิดเป็นอัตราเติบโต 3.12%
นางสาวมินตรา มนต์เสรีนุสรณ์ กรรมการผู้จัดการ KIAT เปิดเผยผลการดำเนินงานประจำไตรมาสแรกของปีนี้ KIAT มีผลกำไรขั้นต้นเติบโต 39.23% จาก 55.92 ล้านบาทในช่วง 3 เดือนแรกของปีที่แล้วมาเป็น 77.86 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีนี้ ทั้งนี้เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากบริการขนส่งระบบรางและการรับรู้รายได้จากบริการตัวแทนการให้บริการนำเข้าและส่งออกหรือ Freight Forwarder
“ในขณะที่กำไรขั้นต้น เรามีการฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นผลจากการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีขึ้น ทำให้อัตรากำไรสุทธิของเราเติบโตขึ้นเท่ากับ 17.75% เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 8.88%” นางสาวมินตรา กล่าว
นางสาวมินตรา กล่าวว่าจากผลประกอบการที่สดใสในไตรมาสแรกของปีนี้ KIAT ได้ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วราว 20% ทั้งนี้เพราะการรับรู้รายได้ในธุรกิจใหม่ ๆ เช่นบริการขนส่งสินค้าด้วยระบบรางที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากลูกค้า และบริการ Freight Forwarder
ทางด้านนายเมฆ มนต์เสรีนุสรณ์ รองกรรมการผู้จัดการด้านการตลาดและพัฒนาธุรกิจ KIAT เปิดเผยเพิ่มเติมว่า KIAT ในฐานะผู้นำในการให้บริการขนส่งวัตถุอันตรายและสินค้าพิเศษ บริษัทฯ จึงได้เดินหน้าศึกษาความเป็นไปได้ในการนำรถบรรทุกที่ใช้พลังงานทางเลือกให้แก่ลูกค้า ซึ่งนอกจากจะเป็นทางเลือกเพิ่มเติมให้แก่ลูกค้าที่ต้องการใช้พลังงานสะอาดแล้ว ยังสอดคล้องกับแนวนโยบายของ KIAT และหลักปรัชญาการดำเนินธุรกิจของลูกค้าที่เล็งเห็นความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มของธุรกิจสากล
“ล่าสุด เราได้เดินหน้าโครงการทดลองวิ่งรถบรรทุกพลังงานบริสุทธิ์ที่ใช้ LNG เป็นพลังงานขับเคลื่อน โดยเราได้จัดหารถจำนวน 2 คันสำหรับทดลองในโครงการนี้ ซึ่งเริ่มทดลองในเดือนนี้เป็นต้นไปเพื่อศึกษาและเก็บข้อมูลเพื่อหาข้อสรุปภายใน 1 – 2 เดือน ขณะเดียวกัน เราเองก็ได้ศึกษาแนวทางการใช้ eTruck เป็นอีกทางเลือกแก่ลูกค้าในอนาคตด้วยเช่นกัน” นายเมฆ กล่าว
นายเมฆ กล่าวว่าการศึกษาพลังงานสะอาด ถือเป็นหนึ่งในความรับผิดชอบต่อสังคมโลกที่ต้องการให้ภาคธุรกิจมีส่วนร่วมในการลดการปล่อยคาร์บอนอย่างเร่งด่วน ซึ่ง KIAT ได้เริ่มดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมแล้วคือการให้บริการขนส่งด้วยระบบรางที่มีส่วนช่วยลดการปล่อยคาร์บอนของลูกค้า โดยลูกค้าที่ใช้บริการขนส่งด้วยระบบราง สามารถนำบริการดังกล่าวไปคำนวณคาร์บอนเครดิตขององค์กร