โดย: คุณ ณัฐดนย์ สุขศิริฐานันท์ ผู้จัดการประจำโบลท์ ประเทศไทย

ผู้จัดการประจำโบลท์ ประเทศไทย
“เรามีจุดมุ่งหมายที่สำคัญ คือ “ช่วยสร้างเมืองสำหรับผู้คนเป็นหลัก ไม่ใช่รถยนต์” เป็นเวลาหลายทศวรรษแล้วที่เมืองต่างๆ ถูกสร้างขึ้นโดยละเลยคนเดินถนนและยานพาหนะขนาดเล็ก ส่งผลให้เกิดปัญหามากมาย เช่น มลพิษทางอากาศ มลภาวะทางเสียง อุบัติเหตุ ระยะทางที่เพิ่มขึ้นระหว่างสถานที่ และลานจอดรถซึ่งมีรถจอดอยู่เกือบตลอดเวลา เราจึงมุ่งมั่นในการหาทางเลือกที่ดีกว่าการใช้รถยนต์ส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางระยะใกล้หรือระยะไกล ซึ่งนี่คือความตั้งใจสำคัญในการก่อตั้ง “โบลท์” จาก Markus Villig ร่วมกับ Martin Villig และ Oliver Leisalu ในปี 2556 ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้น 5,000 ยูโร” นายณัฐดนย์ สุขศิริฐานันท์ ผู้จัดการประจำโบลท์ ประเทศไทย เผยถึงจุดเริ่มต้นของโบลท์
นายณัฐดนย์ เผยต่อไปว่า สำหรับโบลท์ ประเทศไทย เปิดตัวเมื่อปี 2563 โดยเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานท้องถิ่น ซึ่งเรามีความมุ่งมั่นว่าจะมอบประสบการณ์ในการเรียกรถที่มีประสิทธิภาพให้กับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร และเป้าหมายสูงสุดของเราคือ การอำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง และเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ รวมถึงส่งเสริมการขนส่งที่ยั่งยืนในประเทศไทย อย่างไรก็ดีตั้งแต่ปี 2567 เราได้มุ่งเน้นที่การลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร โดยได้เปิดตัวฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยหลากหลายด้าน เช่น การยืนยันตัวตนของผู้ขับขี่ , การตรวจสอบความปลอดภัยในการเดินทาง และระบบการบันทึกเสียงระหว่างการเดินทาง เป็นต้น
พร้อมกันนี้ โบลท์ เปิดตัว Bolt Business ในประเทศไทยซึ่งเป็นทางเลือกการเดินทางขององค์กร ที่นำเสนอบริการด้านการขนส่งสำหรับพันธมิตรทางธุรกิจ ลูกค้า และพนักงาน โดยที่คุณสามารถกำหนดเวลาการเดินทางล่วงหน้า จองการเดินทาง ออกใบแจ้งหนี้ และควบคุมค่าใช้จ่ายได้ในที่เดียว ตัวเลือกเพื่อธุรกิจของเรายังช่วยให้บริษัทต่างๆ มีวิธีการชำระเงินได้ในครั้งเดียว โดยที่ไม่ต้องเบิกเงินทีหลัง

สำหรับโอกาสในการเติบโตในประเทศไทย นายณัฐดนย์ ขยายความต่อไปว่า การตัดสินใจของโบลท์ในการขยายธุรกิจสู่ประเทศไทยนั้นได้รับแรงผลักดันจากการผสมผสานระหว่างปัจจัยเชิงกลยุทธ์และสังคม เนื่องจากประเทศไทยใช้ประโยชน์จากที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ของประเทศ การมีส่วนร่วมทางดิจิทัลในระดับสูง ความต้องการด้านการพัฒนา และการมุ่งเน้นด้านความยั่งยืน เพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจจะประสบความสำเร็จและมีความรับผิดชอบต่อสังคม ทั้งนี้บริษัทฯ ยังมีความตั้งใจที่สำคัญในการปักหมุดไทยให้เป็นศูนย์กลางระดับภูมิภาคในการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากไทยติดอันดับท็อปด้านสถิติการทำธุรกรรมต่างๆผ่านการใช้แอปและสมาร์ตโฟน ซึ่งอัตราการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในยุคดิจิทัลนั้น สอดคล้องกับรูปแบบการให้บริการบนแอปของโบลท์
ด้านมิติความสามารถด้านการแข่งขันในตลาดไทย นายณัฐดนย์ ขยายความต่อไปว่าในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทระดับโลกในยุโรปและภูมิภาคแอฟริกา เราสามารถใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบด้านต้นทุนเพื่อทำให้การดำเนินงานคุ้มค่า นอกจากนี้เรายังศึกษาตลาดอื่นๆ ในแง่ของการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อทำให้ประสบการณ์ของผู้ขับขี่และผู้โดยสารเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด จากปัจจัยเหล่านี้ จึงสามารถทำให้ราคาของเราสามารถแข่งขันในตลาดได้ โดยที่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากโบลท์

เมื่อสอบถามถึง การขยายธุรกิจและการร่วมมือที่สำคัญในปัจจุบัน นายณัฐดนย์ ขยายความต่อไปว่าล่าสุดเราได้ขยายพื้นที่การให้บริการไปยังภาคอีสานของประเทศไทย ได้แก่ นครราชสีมา ขอนแก่น และอุดรธานี ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และในด้านความยั่งยืน เรายังได้เปิดตัวหมวด Green โดยมุ่งเน้นการนำยานพาหนะไฟฟ้ามาเป็นทางเลือกในการเดินทาง
นายณัฐดนย์ กล่าวเน้นย้ำว่า โบลท์มีความมุ่งมั่นด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน โดยมีเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมของโบลท์สอดคล้องกับเป้าหมายการลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวในเมืองต่างๆ และปรับปรุงการเข้าถึงระบบขนส่งของทุกคน เมืองหลายแห่งทั่วโลกยังคงรับมือกับความแออัด มลพิษ ในพื้นที่ที่จำกัด ทั้งหมดนี้เป็นเพราะระบบนิเวศด้านการคมนาคมของเมืองที่ให้ความสำคัญกับการใช้รถยนต์ส่วนตัว โบลท์มุ่งมั่นช่วยเหลือให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ เรานำเสนอผลิตภัณฑ์การเดินทางร่วมกันซึ่งสามารถปรับปรุงระบบขนส่งสาธารณะและเพิ่มความคล่องตัวต่อเนื่องหลายรูปแบบ

ปัจจุบันโบลท์มีแนวทางแบบองค์รวมเพื่อตอบสนองต่อความยั่งยืน อาทิ สิ่งแวดล้อม: เป้าหมายหลักคือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ให้คาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2583 เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จัดการผลกระทบต่อสังคม: เพื่อสนับสนุนการเดินทางร่วมกันให้ได้ผลในระยะยาว จำเป็นต้องสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม รวมถึงเร่ง การจัดการความเสี่ยงและการกำกับดูแล: เรารับประกันความสำเร็จในระยะยาวจากโครงการริเริ่มด้านความยั่งยืนของเราผ่านการกำกับดูแลที่แข็งแกร่งและการบริหารความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
ทั้งนี้สำหรับการดำเนินการที่ผ่านมาในด้านความยั่งยืน ในปี 2562 เราได้เปิดตัวหมวด Green ซึ่งเป็นกลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อม เราได้ตั้งเป้าหมายไว้ 3 ประการ ได้แก่ เป้าหมายระยะสั้น เป้าหมายระยะกลาง และเป้าหมายระยะยาว โดยมีรายละเอียดดังนี้
- ภายในสิ้นปี 2568 เราจะใช้ไฟฟ้าหมุนเวียน 100% ในสำนักงาน คลังสินค้า แท่นชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ และส่วนอื่นๆ ของโบลท์
- ภายในปี 2573 ขยะ 90% ของเราจะถูกนำกลับมาใช้เพื่อตอบโจทย์เศรษฐกิจหมุนเวียน
- ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และเพื่อเป็นการชดเชยส่วนอื่นๆที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
“ความมุ่งมั่นด้านสิ่งแวดล้อมในระยะยาวของเราคือการเป็นบริษัทที่มีคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2583 โดยการเพิ่มยานพาหนะไฟฟ้าลงในแพลตฟอร์ม ปัจจุบันเราเพิ่งเปิดตัวหมวด Electric & Green ในกรุงเทพฯ และเรามีหมวดหมู่นี้อยู่แล้ว มากกว่า 70 เมืองทั่วยุโรปและแอฟริกา และเราตั้งเป้าที่จะเพิ่มไปยังเมืองอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง” นายณัฐดนย์ กล่าวทิ้งท้าย