Fast Fashion อุตสาหกรรมเสื้อผ้าที่กระทบโลก ผลิตไว ทิ้งขยะไว้นาน ทำลายธรรมชาติ


เรียบเรียงโดย ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย หรือ TEI

Fast Fashion ความหมายที่แปลได้อย่างตรงตัว โดยเป็นการผลิตเสื้อผ้าเปลี่ยนแปลงไวตามแฟชั่นในปริมาณมากและรวดเร็วเพื่อให้ทันกับกระแสนิยม เมื่อหลายแบรนด์แฟชั่นผลิตเสื้อผ้าใหม่ทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน ทำให้ผู้บริโภคสามารถซื้อเสื้อผ้าใหม่ได้บ่อยขึ้นในราคาที่ไม่แพง จึงอาจจะเป็น 1 ในปัจจัยที่ทำให้สามารถเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ที่ง่ายขึ้น ความสวยงามของแฟชั่นที่ผลิตออกมา เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ การจ้างงานให้สายการผลิต แต่ในขณะเดียวกันกลับเป็นการสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในหลายมิติ ทั้งขยะจากเสื้อผ้าจำนวนมหาศาล ผลกระทบจากกระบวนการผลิตทั้งมลพิษทางน้ำและอากาศ รวมไปถึงการทำลายระบบนิเวศทางธรรมชาติ โดยฌฉพาะมาจาขยะพลาสติกหรือไนลอนที่มาจากองค์ประกอบของเสื้อผ้า จากการซักผ้าหรือเครื่องซักผ้าแลวระบายลงสู่แหล่งน้ำโดยตรงเป็นไมโครหรือนาโนพลาสติก

โดย Fast Fashion ที่ผลิตไว และเปลี่ยนเทรนด์ไว ทำให้เสี่ยงต่อการใช้งานได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ และมองไม่เห็นถึงคุณค่าของเสื้อผ้า เมื่อเปลี่ยนการใช้งานอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นขยะที่กองสูงขึ้นเป็นปริมาณมหาศาล ไม่เพียงแค่ผลกระทบเรื่องจำนวนขยะ แต่ยังกระทบไปถึงการย่อยสลาย ที่ต้องใช้เวลานาน เนื่องจากเสื้อผ้าทำมาจากใยสังเคราะห์ เช่น โพลีเอสเตอร์ ซึ่งเป็นพลาสติกชนิดหนึ่งที่ต้องใช้เวลาหลายร้อยปีในการย่อยสลาย ทำให้เกิดมลพิษทางดินและแหล่งน้ำหรือทะเล สะสมในห่วงโซ่อาหาร และสะสมในร่างกายมนุษย์จากการบริโภคสัตว์น้ำตามมาจนประเมินค่าไม่ได้

เมื่อมองลึกไปถึงจุดเริ่มต้นของการผลิตเสื้อผ้าใช้ทรัพยากรธรรมชาติปริมาณมาก เพียงแค่เสื้อฝ้ายตัวเดียว ต้องใช้น้ำในการผลิตมากถึง 2,700 ลิตร โดยพื้นที่ปลูกฝ้ายทั่วโลกใช้น้ำมากถึง 93,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี เทียบเท่าปริมาณน้ำที่ใช้ในภาคการเกษตรทั่วโลกกว่า 50 % หรือน้ำสำหรับการบริโภคของคนตลอดทั้งปีถึง 5 ล้านคน โดยการสูบน้ำเพื่อนำไปปลูกต้นฝ้ายและเกิดผลกระทบอย่างชัดเจน เช่น ทะเลสาบอารัลตั้งอยู่ในเอเชียตะวันตกและเอเชียกลาง ที่มีประเทศคาซัคสถาน อุซเบกิสถาน ซึ่งเป็นแหล่งปลูกฝ้ายที่สำคัญของโลก

เสื้อผ้า 1 ชิ้น ต้องใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติ รวมถึงไปใยสังเคราะห์ ยังส่งผลไปถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย โดยจากข้อมูลพบว่า 26% เสื้อผ้าทั่วไปในท้องตลาดผลิตจากฝ้าย และ 63%  ผลิตจากโพลีเอสเตอร์ ส่วน 1 %เป็นวัตถุวัสดุอื่น ๆ ที่นำมาใช้งาน นอกจากนี้ผ้าฝ้าย 1 ตัว ปล่อยก๊าซเรือนกระจก 4.3 กิโลกรัมคาร์บอน และผ้าโพลีเอสเตอร์ 1 ตัว ปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 5.5 กิโลกรัมคาร์บอน

ความสวยงามของเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ต้องแลกมาด้วยผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมโลก โดยปัจจุบันอุตสาหกรรมแฟชั่นปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 1,700 ล้านตันต่อปี หรือคิดเป็น 10% ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนทั่วโลก และคาดว่าภายในปี 2573 อาจเพิ่มขึ้นเกือบ 50%

โดยปัญหาขยะยังเป็นอีกสิ่งที่ตามมา มีข้อมูลว่าขยะจากเสื้อผ้าที่ไม่ใช้แล้ว ถูกส่งไปฝังกลบมากถึง 10 ล้านตันในแต่ละปี หรือเทียบเท่ากับพลาสติก 50,000 ล้านขวด อย่างเช่น ชิลี ทวีปอเมริกา มีการนําเสื้อผ้าไปทิ้งราว 5.9 หมื่นตัน และจากข้อมูลการวิจัยขององค์กร Earth.org ปี 2566 คาดว่าภายในปี 2576 ขยะเสื้อผ้าจะเพิ่มจำนวนเป็น 134 ล้านตันต่อปี และมีเพียง 1% เท่านั้นที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ สิ่งที่แฝงอยู่ในเสื้อผ้า เช่น โพลีเอสเตอร์ อะคริลิก และไนลอน มีส่วนประกอบของขยะพลาสติกที่ย่อยสลายได้ยาก โดยจะปล่อยไมโครพลาสติกออกมาระหว่างการซักผ้า เมื่อลงสู่แหล่งน้ำจะส่งผลอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตอีกด้วย และหากสัตว์น้ำกินเข้าไป สุดท้ายสารพิษเหล่านี้จะสะสมในห่วงโซ่อาหารและอาจย้อนกลับมาสู่มนุษย์ได้จากผลของการผลิตเสื้อผ้าที่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม และด้วยผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมหลายมิติ สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) ได้ตอกย้ำการขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อมไทย และเป้าหมายในการทำงานที่ต้องการให้ ภาครัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรับกลไก นโยบายที่จะส่งเสริมการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและผู้บริโภค ในขณะเดียวกันก็ได้เปลี่ยนแนวคิด เปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้สินค้าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปสู่ความ ปลอด (ภัย) จากผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จึงขอเสนอแนวทางแก้ไข อาทิ ธุรกิจการนำเข้าเสื้อผ้ามือสองควรมีการพิจารณาเรื่องภาษีการนำเข้าจากต่างประเทศ เนื่องจากธุรกิจนี้มีจำนวนมากและไม่สามารถใช้ได้หมดทุกตัว จะกลายเป็นขยะ ขณะเดียวกันปัจจุบัน สถาบันสิ่งแวดล้อไทย (TEI) ร่วมกับ  สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)โครงการ ฉลากผลิตภัณฑ์ชุมชน เพื่อการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและผู้บริโภค หรือ CEC เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ ให้มีการผลิตอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านกระบวนการรับรองฉลากสิ่งแวดล้อม และคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นสำคัญ รวมทั้งวิสาหกิจชุมชนหรือผู้ผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมควรที่จะได้รับการสนับสนุนจากภาคส่วนต่าง ๆ 

ทั้งนี้ มีหลากหลายวิธีที่สามารถจะช่วยรักษาโลกใบนี้ ให้เป็นโลกที่น่าอยู่และปลอดภัยขึ้นได้ด้วยตัวเอง และการร่วมมือกัน ทั้งการเลือกซื้อเสื้อผ้าที่มีคุณภาพ สามารถใช้งานได้ทานและคงทน เพื่อลดอัตราการทิ้งขยะจากเสื้อผ้า หรือจะลดการทิ้งด้วยการส่งต่อ เช่น การบริจาค หรือส่งให้โครงการรีไซเคิลสิ่งทอ รวมถึงปัจจุบันยังมีเทรนด์ Sustainable Fashion หรือ แฟชั่นที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นแฟชั่นที่ใส่ใจกับสิ่งแวดล้อม ให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ เริ่มได้ด้วยตนเองเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมเพื่อปกป้องทรัพยากรและปกป้องโลก


Comments

No comments yet. Why don’t you start the discussion?

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *