Season Change ฤดูที่แตกต่าง (และไม่เหมือนเดิม)


อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง ใช่ครับแตกต่างจากอดีตมากๆ ตอนนี้ถ้าถามว่าประเทศไทยเป็นฤดูอะไร หลายท่านคงบอกว่าไม่แน่ใจเลยแฮะ เดี๋ยวก็ร้อนจัด แบบแสบจี๊ดๆ เดี๋ยวก็ฝนเทกระหน่ำ แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว สภาพภูมิอากาศในประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปมากจริงๆ 

“การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หมายถึงการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและรูปแบบของสภาพอากาศในระยะยาว การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติ แต่ตั้งแต่ปี 1800 การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเป็นผลมาจากการกระทำของมนุษย์โดยส่วนใหญ่”  (องค์การสหประชาชาติใน ประเทศไทย) สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ได้ร่วมมือกับกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (สส.) ในการใช้ข้อมูลจากดาวเทียมและระบบภูมิสารสนเทศเป็นกลไกสนับสนุนเชิงนโยบาย และได้สรุปการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตออกมาได้ 6 ประการ

ประการที่ 1 อุณหภูมิเฉลี่ยรายปี (Average Annual Temperature) ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าอุณหภูมิเฉลี่ยของไทยจะสูงขึ้นประมาณ 1-2 องศาเซลเซียส การที่อุณหภูมิสูงขึ้นนี้ทำให้เกิดความร้อนจัด รวมถึงคลื่นความร้อน (Heat wave) ที่มีความรุนแรง และความถี่มากขึ้น คนไทยเองอาจยังไม่คุ้นชินกับคำว่า Heat wave หรือปรากฏการณ์คลื่นความร้อน คือ ภาวะที่อุณหภูมิสูงสุดประจำวัน เกินค่าอุณหภูมิเฉลี่ยของพื้นที่นั้นในช่วงเวลาเดียวกันของปีประมาณ 5 องศาเซลเซียสติดต่อกันเป็นระยะเวลา 5 วัน ตอนผมอยู่ที่อังกฤษเค้าจริงจังเรื่องนี้มาก ตอนที่ Heat wave เกิดขึ้นถึงกับพื้นรันเวย์สนามบินละลาย คนแห่กันไปซื้อพัดลมจนเกลี้ยงห้างเลยครับ

ประการที่ 2 อุณหภูมิสูงสุดและต่ำสุด (Maximum and Minimum Temperature) ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นทั้งสองตัว ที่น่าสนใจคือ อุณหภูมิกลางคืนอาจสูงขึ้นมากกกว่าอุณหภูมิกลางวัน ส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพของมนุษย์ (และอันที่จริงก็สัตว์ต่างๆ ด้วยแหละครับ) ลองคิดดูก็จริงนะ สมัยก่อนตอนกลางวันร้อนๆ  เราก็ผ่านช่วงแดดร่มลมตกในตอนเย็น อากาศเย็นลงในตอนกลางคืนเหมือนโลกคลายความร้อนได้ แต่เดี๋ยวนี้กลางคืนก็ยังร้อนอยู่เหมือนโลกคลายความร้อนไม่ทันซะอย่างนั้น จะนอนเปิดหน้าต่างก็ไม่ไหวต้องเปิดเครื่องปรับอากาศช่วยดับร้อน

ประการที่ 3 ระดับน้ำทะเล (Sea Level) มีแนวโน้มที่ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 10-20 เซนติเมตรภายในปี 2050 ส่งผลกระทบต่อการกัดเซาะชายฝั่ง และน้ำท่วม รวมถึงการรุกล้ำของน้ำทะเลในพื้นที่เกษตรกรรมและแหล่งน้ำจืด ประเทศอินโดนีเซีย กรุงจาการ์ตาเป็นเมืองที่ทรุดตัวเร็วที่สุดในโลก และเกิดน้ำท่วมใหญ่ทุกปี  จนรัฐบาลต้องหาทางออกด้วยการสร้างเมืองหลวงใหม่บนเกาะบอร์เนียว

ประการที่ 4 ปริมาณฝนตกหนัก (Heavy Rainfall Events) มีแนวโน้มที่ปริมาณฝนตกหนักจะเกิดขึ้นบ่อยและรุนแรงขึ้น และอาจมีความผันผวน ส่งผลกระทบต่อความเสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน (Flash flush) และการทรุดตัวของดิน ตัวอย่างนี้เห็นได้บ่อยขึ้นในประเทศไทย ชาวบ้านนอนอยู่ดีๆ น้ำท่วมพัดบ้านหายไปเลยก็มีครับ

ประการที่ 5 ความถี่และความรุนแรงของภัยแล้ง (Drought Frequency and Severity) มีแนวโน้มภัยแล้งเกิดบ่อยขึ้นและยาวนานขึ้น โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่งผลกระทบต่อการเกษตรและการบริหารจัดการน้ำของประเทศ

ประการที่ 6 ความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 Concentration) มีแนวโน้มความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจกและภาวะโลกร้อน ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระยะยาว

ทั้ง 6 ประการนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องที่ทุกท่านอาจจะทราบดีอยู่แล้ว แต่หากเรายังคงใช้ชีวิตปกติ มีพฤติกรรมแบบปกติ แน่นอนว่าเหตุการณ์ทั้ง 6 จะเกิดขึ้นในยุคสมัยเราอย่างแน่นอน

“We are the first generation to feel the impact of climate change and the last generation that can do something about it.” – Barack Obama


Comments

No comments yet. Why don’t you start the discussion?

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *