[heading tag=”h2″ align=”center” color=”#32CD32″ style=”lines” color2=”#32CD32″]Green Healthy : 3 เทคนิคดูแลตัวเองในยุคที่มลพิษเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต [/heading]
ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ไม่น่าเชื่อว่าโลกของเรา โดยเฉพาะประเทศไทยเอง จะเผชิญกับปัญหามลภาวะที่เป็นพิษ ทั้งในด้านอากาศอย่าง ฝุ่น PM 2.5 ที่ดูแล้วจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว ด้านเสียง โดยเฉพาะการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม หรือแม้กระทั่งในด้านน้ำที่เกิดความแห้งแล้ง เน่าเสีย สร้างผลกระทบต่อการอยู่อาศัย และล่าสุดกับไวรัสอู่ฮั่นหรือโคโรน่าที่แผ่ขยายเป็นวงกว้าง คร่าชีวิตผู้คนอย่างต่อเนื่อง เป็นโรคร้ายที่วงการการแพทย์กำลังเร่งจัดการ
จากตัวอย่างข้างต้น หากลองวิเคราะห์ดูแล้ว ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นล้วนแล้วแต่มีสาเหตุมาจาก “พฤติกรรม” ของมนุษย์ เช่น ปัญหาฝุ่นละอองหรือมลพิษทางอากาศส่วนหนึ่งมาจากการเผาในที่โล่งแจ้ง ปัญหาเสียงดังก็มาจากภาคการผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆ หรือกระทั่งน้ำแห้งแล้งก็มาจากการตัดไม้ทำลายป่า การไม่ดูแลแหล่งน้ำที่มีอยู่จนเกิดความเน่าเสีย ที่สำคัญไวรัสโคโรน่าก็มาจากการเปิบพิศดารทานอาหารจากสัตว์ป่าที่มีเชื้อโรคที่เป็นพิษต่อร่างกาย
ทั้งหมดทั้งมวลของต้นตอของปัญหาใช่ว่าจะปรับไม่ได้ เพราะทั้งหมดล้วนแล้วมาจากพฤติกรรมของมนุษย์ ฉะนั้นในทางป้องกันและระมัดระวัง เราสามารถดูแลตัวเองได้อย่างรอบคอบ ซึ่งผู้เขียนสรุปในทางปฏิบัติเพื่อให้ผู้อ่านนำไปปรับใช้ใน 3 เทคนิคแบบง่ายๆ ดังนี้
1.ล้างมือจนเป็นนิสัย จากข้อมูลของ โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ระบุไว้ว่า การล้างมือบ่อยๆ นั้น ช่วยทำให้ร่างกายของเราปราศจากเชื้อโรคและแบคทีเรียได้ดีที่สุดทางหนึ่ง เนื่องจากบนมือของเราสามารถมีแบคทีเรียเกาะอยู่ได้ถึง 3,000 ชนิด ที่สำคัญอยู่ได้นานถึง 3 ชั่วโมง ยิ่งไปกว่านั้นมีเพียง 19% เท่านั้นจากประชากรทั่วโลกที่ล้างมือกับสบู่หลังเข้าห้องน้ำ ที่สำคัญการล้างมือที่ถูกวิธีมีประสิทธิภาพเท่ากับการฉีดวัคซีน ปัจจุบันการล้างมือนั้นได้รับความสนใจมากขึ้นจากปัจจัยมลพิษและโรคร้ายที่เกิดขึ้น โดยวิธีของการล้างมือนั้นแบ่งเป็น การล้างมือทั่วไปด้วยน้ำเปล่า การล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อหรือสบู่ และการล้างมือแบบที่ง่ายที่สุดคือการล้างมือด้วยแอลกฮอลล์เจล ฉะนั้นแล้วการล้างมือบ่อยครั้งช่วยป้องกันร่างกายให้ห่างจากโรคร้ายได้ และถือเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด
2.งดอาหารดิบ เป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงอาหารจำพวกดิบหรือไม่สุกให้ได้มากที่สุด จากข้อมูลของ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เผยว่า คำว่าอาหารปรุงสุกนั้น คือ อาหารที่ต้องผ่านความร้อนโดยแกงต้องเดือดอย่างน้อย 5 นาที ซึ่งอาหารสุกนั้นสามารถตัดวงจรการเกิดโรค รวมทั้งพยาธิต่างๆที่ตาเปล่ามองไม่เห็นก่อนเข้าสู่ร่างกายได้อย่างมากมาย ดังนั้นแล้วในยุคที่มลพิษมีอยู่ร่ายล้อมเราการทานอาหารสุกน่าจะเป็นอีกวิธีที่ช่วยทำให้ร่างกายของเราปราศจากโรคภัยต่างๆ แม้อาหารสุก ดิบ จะอร่อยในบางอิริยาบถแต่หากมองระยะยาวหากเราทานอาหารสุกสุขภาพเราก็จะดีและมีเวลาทานอาหารอร่อยอีกได้ยาวนานเลยทีเดียว
3.ออกกำลังกายอยู่เสมอ จากข้อมูลของ โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ ระบุไว้ว่า การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพโดยเฉพาะหัวใจ สามารถทำได้ง่าย ผ่านการเดินเร็วๆ ทำงานบ้าน หรือเล่นกีฬาที่ตัวเองถนัด โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการออกกำลังกาย คือ อย่างน้อย 30 นาที/ครั้ง สัปดาห์ละ 5 ครั้ง และควรออกกำลังกายหลังรับประทานอาหารมื้อหลักประมาณ 1-2 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ควรเป็นไปอย่างเหมาะสมกับวัย สภาพร่างกาย ที่สำคัญต้องไม่ออกกำลังกายน้อยเกินไปและไม่หักโหมมากจนเกินไป
ดังนั้นแล้ว 3 เทคนิคง่ายๆ ที่กล่าวมาข้างต้น ทุกคนสามารถนำไปปรับใช้เพื่อดูแลสุขภาพให้ปลอดภัยจากสถานการณ์มลพิษที่เป็นอยู่ เพื่อสร้างสุขให้กับสุขภาพมีคุณภาพชีวิตดีในทุกวัน