
เจ้าของธุรกิจ “โรงคั่วกาแฟ วังน้ำเขียว”
กินกาแฟอาราบิก้าในยามเช้าของทุกวัน ที่ร่ายล้อมไปด้วยกลิ่นไอความบริสุทธิ์ของอากาศจากวังน้ำเขียว ทำให้พื้นที่แห่งนี้เปี่ยมไปด้วยความสุข ถือเป็น ความประทับใจแรกที่ทุกคนต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกัน “ปกรณ์ เตชสิทธิ์วรโชติ” เจ้าของธุรกิจ “โรงคั่วกาแฟ วังน้ำเขียว” เล่าให้เราฟังอย่างเป็นกันเอง
สำหรับ โรงคั่วกาแฟ วังน้ำเขียว กลายเป็นหมุดหมายที่สำคัญในการเดินทางมาเยือนจังหวัดนครราชสีมา และนอกจากการเป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ โรงคั่วกาแฟ หรือ (Coffee Factory) แห่งนี้ ยังมีสินค้า อย่างเช่น ผลผลิตกาแฟคุณภาพ พร้อมต้อนรับผู้มาเยือน

จุดเริ่มต้นจากการสร้างโอกาสด้วยตนเอง
แต่ทว่ากว่าจะเป็น โรงคั่วกาแฟ วังน้ำเขียว ไม่ใช่เรื่องง่าย ดั่งเช่นคำว่า กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว แต่ทว่าเบื้องหลังความสำเร็จนี้นั้น มีข้อคิดดีๆจากคุณปกรณ์ โดยเล่าให้เราฟังว่า
ผมเริ่มทำธุรกิจ นำเข้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อะไหล่คอมพิวเตอร์ แต่ทว่าต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจและภัยน้ำท่วม ทำให้ผมมีหนี้สิ้นกว่า 50 ล้านบาท แต่ด้วยใจที่ไม่ยอมแพ้ ตนเลือกที่จะนับ 1 เริ่มต้นอีกครั้ง ด้วยการเลือกใช้สิ่งที่ตัวเองชื่นชอบอย่างเช่น การบริโภคกาแฟ มาผลักดันสู่การทำธุรกิจอีกครั้ง และจังหวะที่สำคัญคือการได้มาท่องเที่ยวที่ อ.วังน้ำเขียว เนื่องจากมีบรรยากาศที่ดี และที่สำคัญ คือ ตลาดกาแฟในทำเลนี้ ยังไม่มีโรงคั่วกาแฟ



หากจะถามว่า อะไรคือ เสาเอกในการลงหลักปักฐานของ โรงคั่วกาแฟ แห่งนี้ คุณปกรณ์เน้นย้ำว่า คือ เกษตรพอเพียงโดยเอาทฤษฎีของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาผนวกใช้ ในระยะแรกผมแบ่งที่ดิน 5 ไร่ ทำสวนเกษตรอินทรีย์ ปลูกผักปลูกข้าว มุ่งเน้นการอยู่อาศัยที่พอเพียง เรียบง่าย แต่ด้วยพื้นที่แห่งนี้มีความอุดมสมบูรณ์ ผนวกกับชอบศึกษาและสังเกต เขาเห็นเกษตรกรแถวนั้นปลูกกาแฟ ก็รู้สึกสนใจ จึงได้ขึ้นเหนือไปกินไปนอนกับชาวอาข่าบนดอยช้างเพื่อศึกษาการปลูกและแปรรูปเมล็ดกาแฟ
จุดเริ่มต้นดังกล่าวทำให้ผมเห็นโอกาส จึงลองดัดแปลงโรงวัวเก่าๆ ในพื้นที่ที่เขาเช่าอยู่ เปิดเป็นร้านกาแฟแฮนด์เมด ตั้งกระทะคั่วกาแฟบนเตาถ่าน ต้มเสิร์ฟด้วยหม้อ Moka Pot และเริ่มทำการตลาดด้วยการเปิดเพจในเฟซบุ๊กเพื่อบอกเล่าเรื่องราวการใช้ชีวิต Farmer Style ของตนเอง เพื่อผู้ดึงคนให้แวะมาที่ร้านกาแฟโรงวัวของเขา จากนั้นปลุกปั่นให้เป็น โรงคั่วกาแฟ
เมื่อมองเห็นโอกาส เราไม่รอช้า คุณปกรณ์ เล่าว่า เราค่อยๆเรียนรู้ในอุตสาหกรรมกาแฟ เปิดเป็น โรงคั่วกาแฟ วังน้ำเขียว เราเน้นผลิตแบบควบคุมเครื่องคั่วด้วยตัวเอง เพราะจะได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของเมล็ดกาแฟว่าคั่วพอเหมาะตามที่ต้องการหรือไม่ ด้านจุดเด่นของเราอยู่ที่ ความสดใหม่ ไม่ใส่สารแต่งกลิ่น โดยจะคั่วตามคำสั่งซื้อของลูกค้า จึงทำให้ปริมาณการคั่วพอดีและจัดส่งไปยังลูกค้าทันที โดยชณะนี้มีลูกค้าทั่วทุกภูมิภาคของไทย
โรงคั่วกาแฟ วังน้ำเขียว วันนี้
คุณปกรณ์เล่าต่อว่า สำหรับ โรงคั่วกาแฟ วังน้ำเขียวในปัจจุบัน ไม่ได้หยุดนิ่งแค่การปลูกและขายกาแฟ ยังพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจากกาแฟ อย่างที่ทราบกัน คนส่วนใหญ่เอาผงกาแฟที่ใช้แล้วมาทำ ผมเอากาแฟที่ปลูก นำเมล็ดมาคั่วบดผสม ปรากฎว่าได้ผล พอมั่นใจก็สร้างแบรนด์ เปิดตลาด ซึ่งการสร้างมูลค่าแบบนี้ดีกว่าทำกาแฟขายอย่างเดียว และที่สำคัญ โรงคั่วยังเปิดบริการร้านกาแฟสด ร้านอาหาร มีผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอีกหลากหลายอย่างให้เลือกชิม ช็อป ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อหาเป็นของขวัญของฝาก

อีกหัวใจสำคัญที่ทำให้ทุกคนรู้จักเรา คือ การรุกตลาดออนไลน์ เราขายสินค้าและสร้างการรับรู้ผ่านช่องทางสื่อสารโซเชียลมีเดีย อย่างเช่น เฟซบุ๊ก ไลน์ อินสตาแกรม โดยติดตามเราได้ที่ โรงคั่วกาแฟวังน้ำเขียว
เราอยากรังสรรค์ให้ โรงคั่วกาแฟ วังน้ำเขียว เป็นพื้นที่ของการเรียนรู้ นี่คือความตั้งใจ ก่อนเป็นที่มาของ โรงเรียนเกษตรกรวังน้ำเขียว ซึ่งคอยแนะนำและให้ความรู้กับเด็กๆ เยาวชนและเกษตรกรในพื้นที่ และนักท่องเที่ยวผู้มาชมงานต่างๆ เพื่อเป็นโมเดลที่ดีในการนำไปปรับใช้หรือต่อยอดในธุรกิจของตน
กว่าจะมีวันนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย จากเส้นทางที่ผ่านมาของคุณปกรณ์ แน่นอนเค้าคือ Young Smart Farmer ต้นแบบ อีกหนึ่งแนวคิดที่ตกผลึกสู่การในปรับใช้ คือ ความไม่ยอมแพ้ และ ไม่หยุดที่จะเรียนรู้และสร้างโอกาสให้กับตัวเอง ที่สำคัญการนำเอาแนวคิดทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้จนสร้างเป็นความสำเร็จแบบรูปธรรม คือ สิ่งที่ตอกย้ำได้เป็นอย่างดีว่า เกษตรไทยสามารถสร้างผลผลิตที่ดีได้จากการอยู่อาศัยอย่างเรียบง่ายและพอเพียง
ผมทำในสิ่งที่ผมชอบ ผมมีความสุขกับสิ่งที่ทำ กำไรที่ได้ไม่ใช่ตัวเงินอย่างเดียว ตอนนี้ผมได้กำไรชีวิต จนลืมไปว่า ผมทำธุรกิจ คุณปกรณ์ เตชสิทธิ์วรโชติ เจ้าของธุรกิจ โรงคั่วกาแฟ วังน้ำเขียว กล่าวทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้ม