Exclusive Interviewเรื่อง ผนึกกำลังสร้างโอกาส GEKO & SWAG รุกขยายธุรกิจมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ให้ทุกคนเอื้อมถึงโดย : คุณกันตินันท์ ตันวีนุกูล (เบ็น) ประธานกรรมการบริหาร GEKO ประเทศไทย


               ผมอยากประสบความสำเร็จในการทำงานที่ไว อยากออกไปใช้ชีวิตในแง่มุมต่างๆ อีกหลากหลาย นั้น คือ แรงบันดาลใจที่ทำให้ผมวิ่งเข้าหา “โอกาส” หนึ่งมุมคิดที่สะท้อนถึงทัศนคติของคนรุ่นใหม่อย่าง เบ็น หรือ คุณกันตินันท์ ตันวีนุกูล ซึ่งเป็นประธานกรรมการบริหาร GEKO ประเทศไทยด้วยวัย 25 ปี ซึ่งได้เปิดเผยกับทาง Green Life Plus ในแง่มุมต่างๆ ได้อย่างน่าสนใจ

เส้นทางชีวิตสู่วันนี้ GEKO ประเทศไทย

            คุณกันตินันท์ เล่าว่า ตนชื่นชอบและมีความสนใจในเรื่องของการลงทุน ซึ่งหลังจบการศึกษาในด้านการเงินที่ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ตนได้เริ่มทำงานแห่งหนึ่งเกี่ยวกับ Co – Working Space จากตำแหน่งแปลภาษาและได้พัฒนาตัวเองจนได้รับความเชื่อมั่นให้เป็น Country Director ซึ่งเมื่อเราอยู่ที่ Co – Working Space ทำให้เราได้เห็น Eco System ของกลุ่มสตาร์ทอัพ และนั้นคือแรงบันดาลใจในการอยากออกมาทำ สตาร์ทอัพ ของตัวเอง

               “โอกาสคือสิ่งที่เราสร้างขึ้นเอง” คุณกันตินันท์ เล่าต่อไปว่า ขณะทำงานที่ Co – Working Space ตนได้เข้าไปช่วยทาง SWAG ซึ่งเป็นผู้นำด้านการผลิตมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่สิงคโปร์ โดยในช่วงเวลาดังกล่าวทาง SWAG ต้องการจดทะเบียนในไทย ผมก็ช่วยดำเนินการตรงนี้ และทำให้ผมเป็นพนักงานคนแรกของ SWAG และนั้นจึงเป็นที่มาทำให้ผมออกมาเติมเต็มฝันด้วยการจัดตั้งบริษัทสตาร์ทอัพขึ้นมาเพื่อดำเนินการดังกล่าวอย่างเต็มรูปแบบในชื่อ GEKO ประเทศไทย ในฐานะแพลตฟอร์มบริการทางการเงินเพื่อยานยนต์ไฟฟ้าชั้นนำ โดยมีผู้บริหารชาวสิงคโปร์เข้ามาช่วยกัน จนทำให้วันนี้ SWAG พร้อมแล้วในการรุกตลาดในประเทศไทยด้วย รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า

รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า กับ โอกาสในประเทศไทย

            คุณกันตินันท์ เล่าต่อไปว่า ประเทศไทยมียอดการใช้มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางกระแสการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าที่กำลังคึกคักในภูมิภาคอาเซียน โดยข้อมูลในปี 2563 อาเซียนมียอดจดทะเบียนมอเตอร์ไซค์ใหม่อยู่ที่ 14 ล้านคัน โดยในประเทศไทยเพียงประเทศเดียวมียอดสูงกว่า 1.8 ล้านคัน คิดเป็นยอดขายสูงถึง 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในจำนวนนี้มีมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าราว 3,000 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 100% เมื่อเทียบเป็นรายปี ทั้งนี้ ภายใต้การสนับสนุนอย่างเต็มที่จากภาครัฐและการตระหนักถึงประโยชน์ของยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น ไทยยังตั้งเป้าให้มีการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าบนท้องถนนให้ได้ 1 ล้านคันภายในปี 2573 อีกด้วย ทั้งหมดนี่คือโอกาสขนาดใหญ่ที่เราสามารถเข้ามาสร้างทางเลือกให้กับผู้บริโภคได้ในอนาคตอันใกล้

               คุณกันตินันท์ เล่าต่อไปว่า ปัจจุบัน มีมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของ SWAG โลดแล่นอยู่บนท้องถนนในประเทศไทยกว่า 250 คัน โดยมี 2 รุ่น ได้แก่ Type S และ Type X นอกจากนี้ ในเดือนมีนาคม 2565 SWAG ยังเตรียมเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ในชื่อ Type V ที่มาพร้อมความเร็วสูงสุด 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และระยะการวิ่งสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งคาดว่าจะช่วยผลักดันยอดขายและตอกย้ำความเป็นผู้นำของ SWAG ในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี

               “อย่างไรก็ตามแม้ในไทยจะมีความต้องการในเรื่อง มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า มากก็จริงแต่ทว่าปัญหาสำคัญของผู้บริโภคคือ บริการสินเชื่อ เนื่องจากประชาชนบางกลุ่มยังเข้าไม่ถึงบริการทางการเงิน (unbanked) หรือไม่ผ่านเงื่อนไขในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงิน (underbanked) ด้วยเหตุนี้จึงเป็นอีกโอกาส บริษัทฟินเทคผู้ให้บริการสินเชื่ออย่าง GEKO ที่เราจัดทำขึ้นจะเข้ามาเติมเต็ม” คุณกันตินันท์ ขยายความ พร้อมเน้นย้ำต่อไปว่า

               GEKO คือ แพลตฟอร์มฟินเทคผู้ให้บริการสินเชื่อระดับจุลภาคเพียงรายเดียวในประเทศไทยที่ให้บริการเช่าซื้อแก่ผู้บริโภคด้วยการทำ e-KYC, การให้คะแนนเครดิตด้วย AI, แผนการแบ่งชำระหนี้ที่มีความยืดหยุ่นสูง, มีระบบโทเคนเพื่อการชำระเงิน ตลอดจนตั้งปณิธานในการลดการปล่อยคาร์บอนและสร้างพฤติกรรมที่ดีให้แก่ผู้ขับขี่ โดย GEKO ดูแลสินเชื่อของมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแบรนด์ต่าง ๆ รวมกว่า 350 คัน ส่งผลให้บริษัทเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการสินเชื่อสำหรับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารายใหญ่ทึ่สุดในประเทศไทย

ก้าวเดินต่อจากนี้ของ GEKO ประเทศไทย และ SWAG

               คุณกันตินันท์ เล่าว่า GEKO ประเทศไทย ได้เข้าซื้อกิจการของ SWAG ว่า “การควบรวมกิจการของ SWAG เข้ากับ GEKO เป็นการช่วยเสริมประสิทธิภาพทางธุรกิจของกันและกันโดยขยาย Ecosystems และด้วยความร่วมมือครั้งนี้ เราจะสามารถส่งมอบคุณค่าให้แก่ตลาดได้อย่างมหาศาลและยั่งยืน ผ่านการส่งมอบมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าคุณภาพสูงควบคู่กับบริการทางการเงินที่แตกต่าง นำไปสู่การสร้างประสบการณ์การซื้อรถที่ราบรื่นให้กับผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน โดยผู้ซื้อยานยนต์ไฟฟ้ามักเป็นกลุ่มคนที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมสูงและเป็นคนที่พร้อมเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยความร่วมมือในครั้งนี้ เราตั้งเป้าผลักดันธุรกิจมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเติบโตสูงสุดในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นอกจากนี้ หลังการควบรวมกิจการแล้ว SWAG และ GEKO ยังได้เตรียมเปิดระดมทุนรอบ pre-Series A ในช่วงต้นปี 2565 รวมมูลค่า 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว ๆ 800 ล้านบาท โดยทางบริษัทจะนำเงินทุนดังกล่าวไปใช้ในการเพิ่มยอดขายให้ได้ตามเป้า ร่วมกับการพัฒนาเทคโนโลยี สร้างบัญชีสินเชื่อ ขยายตลาด และสร้างชื่อเสียงของแบรนด์ในตลาดสำคัญ ๆ

“ในปี 2565 เราคาดหวังว่าจะมีมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า SWAG เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 1,000 คันบนท้องถนนในประเทศไทย และอีกกว่า 500 คันบนท้องถนนของประเทศต่าง ๆ ในอาเซียน โดยเราจะบุกตลาดเพิ่มเติมในปี 2565 โดยเฉพาะประเทศอินโดนีเซีย”

               อีกหนึ่งพลังหนุ่มที่คิดใหญ่เกินอายุ แต่รูปแบบและโมเดลธุรกิจนั้น ดูแลเติบโตได้อย่างยั่งยืน ทั้งเรื่องการนำการเงินที่นำเอาเทคโนโลยีมาปรับใช้ หรือแม้กระทั่งสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม น่าติดตามต่อไปว่าในขวบปี 2565 เราจะได้เห็น SWAG โลดแล่นในถนนไทยเพิ่มขึ้นมากเท่าใด และนี่คือหนึ่งบทเรียนของการไม่หยุดนิ่งพัฒนา และ สร้างสรรค์โอกาสด้วยสองมือจาก คุณกันตินันท์ ตันวีนุกูล


Comments

No comments yet. Why don’t you start the discussion?

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *