ปฏิเสธไม่ได้ว่าทั่วโลกให้ความสำคัญกับเรื่อง “ความยั่งยืน” และหนึ่งในนั้นคือบริษัทผู้ผลิตอาหารชั้นนำระดับโลกอย่าง “อายิโนะโมะโต๊ะ” ที่ในวันนี้ได้ปักหมุดเป้าหมายและสานต่อเจตนารมณ์ในเรื่อง “การสร้างสังคมอยู่ดีมีสุข” โดยมุ่งเน้นทั้งในด้านโภชนาการและสุขภาพที่ดี ควบคู่ไปกับการสร้างเสริมสิ่งแวดล้อมที่ดี เพื่อร่วมสร้างความยั่งยืนให้กับโลกใบนี้
เปิดแนวคิดแบบ “อายิโนะโมะโต๊ะ”
นายศรชัย กุสันใจ กรรมการ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด เล่าว่า วันนี้ปัญหาด้านอาหารและสุขภาพมีความหลากหลายมากขึ้น อาทิ ในแต่ละปี อาหารกว่า 1.3 พันล้านตัน หรือ 1 ใน 3 ของอาหารที่ผลิตได้ทั่วโลก ต้องกลายเป็นขยะอาหารที่ถูกทิ้งไปอย่างสูญเปล่าและสร้างก๊าซเรือนกระจกถึง 8% หรือปัญหาสุขภาพในรูปแบบต่าง ๆ ที่เป็นผลสืบเนื่องจากพฤติกรรมการบริโภคในชีวิตประจำวัน กลุ่มบริษัทอายิโนะโมะโต๊ะจึงมุ่งหวังที่จะมีส่วนในการแก้ไขปัญหาด้านโภชนาการและสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการบริโภคของผู้คนทั่วโลก โดยใช้พลังของกรดอะมิโน อันเป็นความเชี่ยวชาญหลักของเรา
“เรามีแนวทางที่มุ่งมั่นมาอย่างต่อเนื่องตามค่านิยมหลักขององค์กร ในการสร้างสังคมสุขภาพดี การส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และการสร้างความยั่งยืนของโลก เพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จในเป้าหมายหลัก 2 ประการ คือ การสร้างเสริมสุขภาพดีของผู้คน 1,000 ล้านคนทั่วโลก และการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากกิจกรรมทางธุรกิจของอายิโนะโมะโต๊ะให้ได้ 50% ภายในปี 2030 หรือ พ.ศ. 2573 ซึ่งครอบคลุมทั้งการมุ่งขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) รวมถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ให้สำเร็จภายในปี 2050 หรือ พ.ศ. 2593” นายศรชัย กล่าวเสริม
เชื่อมเทคโนโลยีรับมือ “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิากาศ”
นายศรชัย กล่าวเสริมว่า แนวทางในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของอายิโนะโมะโต๊ะในประเทศไทยนั้น ได้ทุ่มเทเพื่อร่วมป้องกันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก ผ่านการบูรณาการแนวคิด เทคโนโลยี ไปจนถึงกระบวนการผลิตในทุกขั้นตอน อาทิ การผลิตพลังงานโดยใช้เชื้อเพลิงชีวมวลและพลังงานแสงอาทิตย์ ทดแทนเชื้อเพลิงจากฟอสซิล การอนุรักษ์พลังงาน การปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ใช้พลังงานลดลง โดยปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ไฟฟ้า พัฒนานวัตกรรมด้านเครื่องจักร รวมถึงการใช้พลังงานทางเลือกและพลังงานหมุนเวียนต่างๆ ในกระบวนการผลิต โดยตัวอย่างหนึ่งในวันนี้ที่น่าสนใจ และถือเป็นต้นแบบที่น่าทึ่ง คือ “โรงงานอายิโนะโมะโต๊ะกำแพงเพชร” ที่มีการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืนครอบคลุมในหลายด้านจนเกิดเป็น “Bio-Cycle ” เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม
สร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืน
520,000 ตันต่อปี คือตัวเลขของปริมาณการใช้ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากเกษตรกรไทยของอายิโนะโมะโต๊ะ เพื่อเป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์ เหตุนี้ อายิโนะโมะโต๊ะ กับเกษตรกรไทย จึงเกื้อหนุนกันและกันอย่างแนบแน่น การสร้างความยั่งยืนที่แท้จริง จึงหมายถึงการเข้าไปมีส่วนร่วมกับชุมชนและสังคมอย่างจริงจังและจริงใจ ทั้งนี้ อายิโนะโมะโต๊ะ เดินทางผ่านแนวคิด “Thai Farmer Better Life Partner” เพื่อร่วมพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ผ่านการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ให้กับเกษตรกร ให้ความรู้ด้านการปรับปรุงดิน การพัฒนาสายพันธุ์มันสำปะหลัง รวมถึงผลักดันให้เกิดการคุ้มครองความเสี่ยงในด้านสภาวะอากาศ (Weather Insurance System) ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง โดยเริ่มจากพื้นที่นำร่องในจังหวัดกำแพงเพชร
ทั้งนี้เรื่องน่าสนใจ คือ อายิโนะโมโต๊ะ ตั้งห้องวิเคราะห์โรคใบด่างฯ ด้วยวิธี DAS-ELISA เพื่อสนับสนุนท่อนพันธุ์และต้นพันธุ์มันสำปะหลังที่สะอาดปราศจากโรคใบด่างฯ กว่า 150,000 ต้น โดยเริ่มมาตั้งแต่ปี 2564 ขณะเดียวกันก็ทำแปลงทดลองภายใน และจัดทำแปลงร่วมกับเกษตรกรสำหรับขยายต้นพันธุ์มันสำปะหลังที่สะอาด ปราศจากโรคใบด่าง และทนทานต่อโรค เพื่อมอบให้กับเกษตรกรในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง พร้อมทั้งสร้างความร่วมมือกับเกษตรจังหวัดกำแพงเพชร และพาณิชย์จังหวัดกำแพงเพชร ในการควบคุมโรคใบด่างมันสำปะหลังแบบครอบคลุมพื้นที่ เพื่อวางเป้าหมายตัดวงจรการระบาดของโรคใบด่างมันสำปะหลังไม่ให้ขยายตัวไปยังพื้นที่อื่นๆ รวมถึงช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากโรคดังกล่าวอีกด้วย“ฉะนั้นแล้ว การสร้างความยั่งยืนที่แท้จริง จึงหมายถึงการเดินทางที่ครอบคลุมในทุกมิติ ซึ่งการลงมือทำอย่างเป็นรูปธรรมเช่นนี้ ก็ช่วยสะท้อนถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นต่อเนื่องได้อย่างมหาศาล ขณะเดียวกันก็เป็นการส่งแรงกระเพื่อมไปถึงอีกหลายภาคส่วนในสังคม ให้ลุกขึ้นมาสร้างความยั่งยืนให้แก่โลกใบนี้อย่างจริงจัง ทั้งเพื่อวันนี้ และอนาคตนั่นเอง” นายศรชัย กล่าวทิ้งท้าย