โดย บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (www.plus.co.th)
ทรัพย์สินประเภทที่ดิน บ้านและคอนโดฯ เป็นการลงทุนที่ทุกคนยอมรับว่ายิ่งนานวันไปมูลค่าทรัพย์สินเหล่านี้มีแต่สูงเพิ่มขึ้น โอกาสที่จะลดลงเป็นไปได้น้อยมาก ด้วยปัจจัยที่ประชากรของโลกที่กำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยมากขึ้นตามไปด้วย ยิ่งเป็นทำเลดี ๆ ยิ่งเป็นที่ต้องการมากยิ่งขึ้นไปอีกนั่นเอง จากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์พบว่า ราคาที่ดินในไตรมาส 2/2566 นี้ ยังคงเพิ่มขึ้น โดยค่าเฉลี่ย 5 ปี เพิ่มขึ้น 14.8% ปรากฏการณ์ที่มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นทุกปีเช่นนี้ ส่งผลกับคนที่ลงทุนกับบ้านและคอนโดฯ ซึ่งหากลงทุนถือได้ในระยะยาวๆ นอกจากจะไม่ขาดทุนแล้ว ยังมีโอกาสได้ผลตอบแทนในมูลค่าเพิ่มอีกด้วย
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ในฐานะผู้ให้คำปรึกษาเรื่องการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กลยุทธ์การขายและการตลาด ได้มีโอกาสพบกับเจ้าของธุรกิจที่มีที่ดินเป็นสินทรัพย์เดิมขนาดไม่ใหญ่มาก โดยที่ยังไม่รู้ว่าควรจะลงทุนทำอะไร แต่ต้องการสร้างผลกำไรให้เกิดขึ้นในที่ดินผืนนี้ ในปัจจุบันการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์บนที่ดินขนาดเล็กมีความต้องการตลาดมาอย่างต่อเนื่อง โดยจะเห็นโครงการหมู่บ้านขนาดเล็กมากมายที่มีบ้านสร้างขายเพียงไม่กี่หลังเท่านั้น โดยจะมีข้อกำหนดจากกฎหมายจัดสรรที่ดินขนาดเล็กพิเศษ ในเขตกรุงเทพหรือเทศบาล ซึ่งสามารถพัฒนาแปลงย่อยเพื่อการจำหน่ายไม่เกิน 32 แปลงและเนื้อที่เพื่อการจัดจำหน่ายไม่เกิน 2 ไร่ เป็นต้น ในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ (New Development Project) เป็นการสร้างมูลค่าของที่ดินให้เพิ่มสูงขึ้น ช่วยส่งเสริมศักยภาพการทำธุรกิจ สำหรับในกรณีตัวอย่างที่ทางพลัสฯ รับบริหารงานส่วนใหญ่จะแบ่งกลุ่มลูกค้าได้อยู่ 2 ประเภทหลัก ๆ คือ 1. ประเภทที่เจ้าของมีที่ดินเดิมอยู่แล้ว (Existing Land or Land on Hand) และมีความต้องการที่จะพัฒนาให้เกิดประโยชน์สูงที่สุด ซึ่งโดยส่วนใหญ่ก็มักถูกนำมาพัฒนาเป็นอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น พัฒนาเป็นโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ ประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม หรือ คอนโดมิเนียมแนว Low Rise หรือ High Rise เป็นต้น 2.ประเภทที่เจ้าของมีต้องการผันตัวเองเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มีความพร้อมในด้านเงินทุน ต้องการที่จะเริ่มต้นทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จึงมีการเริ่มต้นในการมองหาที่ดินที่เหมาะสมต่อการพัฒนา (Looking for Land) และนำไปพัฒนาเป็นโครงการที่อยู่อาศัยประเภทต่างๆ โดยในการเตรียมศึกษาข้อมูลสำหรับการพัฒนาของทั้ง 2 กลุ่มนี้ พลัสฯ แนะนำการเตรียมความพร้อมในการพัฒนาโครงการโดยแบ่งเป็น 3 ช่วงสำคัญดังนี้
1) ช่วงก่อนการพัฒนาโครงการ (Pre Development Stage) ศึกษาข้อมูลความเหมาะสมของที่ดิน (Land Analysis) ทำการวิเคราะห์ที่ดินในแง่ปัจจัยทางด้านกฎหมาย กฎผังเมือง หรือกฎหมายอาคารเบื้องต้น (Legal) ด้านกายภาพ (Physical)และทำเลที่ตั้ง (Location) สำหรับพลัสฯ มีทีมที่ศึกษาวิจัยทางการตลาด Market Research Data เข้าทำมาสำรวจตลาด (Market Survey) เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ สนับสนุนในส่วนของการศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility Study) ซึ่งผลการวิเคราะห์สามารถสรุปผลข้อมูลนำเสนอออกเป็นสองส่วนสำคัญ คือผลลัพธ์ความเป็นไปได้ทางการตลาด (Market Feasibility Study) และผลลัพธ์ความเป็นไปได้ทางการเงิน (Financial Feasibility Study) คือ การพัฒนาโครงการให้มีความเหมาะสมมากที่สุด
2) ช่วงพัฒนาโครงการ (Development Stage) ต้องให้ความสำคัญในขั้นตอนด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product Development) รวมถึงเริ่มต้นวางแผนกลยุทธ์ทางด้านการตลาดและงานขาย (Sale and Marketing) ในส่วนของตัวโครงการเองก็มีการปรับรูปแบบการออกแบบมีความหลากหลายครอบคลุมกลุ่มลูกค้าให้มีสเปกวัสดุที่เหมาะกับระดับผลิตภัณฑ์ (Product Segment) ตอบโจทย์ในแต่ละกลุ่มลูกค้าและทำเล ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ง่ายจึงได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี องค์ประกอบต่อมาที่สำคัญ คือ ให้คำปรึกษาฯ ด้านการควบคุมต้นทุนโครงการ การเปรียบเทียบคู่แข่งต่างๆ ทางด้านวัสดุ ขนาด และฟังก์ชัน พื้นที่ส่วนกลาง (Facility) ทำให้สามารถควบคุมราคาขายของแต่ละยูนิตได้อย่างเหมาะสม
3) ช่วงการขาย และการทำการตลาด เป็นการวางกลยุทธ์การตลาด (Marketing Strategy) และความเชี่ยวชาญการตั้งราคา (Price Strategy) โดยเฉพาะการวางแผนขั้นตอนและระบบการขาย พลัสฯ จึงมีการให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของพนักงานขายอย่างต่อเนื่อง ให้เป็นที่ปรึกษามืออาชีพ The Best Sale Standard มีความรู้ ความสามารถในการวิเคราะห์ตลาดพัฒนางานขาย รวมถึงการทำ CRM System ที่ช่วยให้เข้าถึงความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคได้อย่างชัดเจนผ่าน Customer Journey ให้กับผู้พัฒนาอสังหาฯ อีกด้วย
พลัสฯ ในฐานะผู้มีประสบการณ์ในการให้บริการตัวแทนขายและทำการตลาดได้ให้ความสำคัญกับการเป็น “คู่คิดทางธุรกิจที่พร้อมจะเข้าใจความต้องการของลูกค้ามากที่สุด” พลัสฯ มีแนวคิดการทำงานแบบ Ownership Mindset และ Business Partner ที่ทำงานเคียงข้างไปกับลูกค้า นำเสนอบริการแบบ Total Solution ทั้งธุรกิจบริหารงานขาย (Sole Agent) ดูแลให้คำปรึกษาในทุกขั้นตอน ที่ตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการบริการอสังหาฯ ครบวงจร บริหารงานนิติบุคคลคอนโด หมู่บ้าน อาคารสถานที่ ที่ปรึกษางานขายโครงการ และตัวแทนซื้อ ขาย เช่า คอนโดมือสอง ด้วยทีมงานระดับคุณภาพกับประสบการณ์ที่มากกว่า 25 ปี เติมเต็มทุกความต้องการอย่างแท้จริง