นายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานมูลนิธิเวิลด์วิว ไครเมท อดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศคนที่1และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยวันนี้ภายหลังนำคณะสมาคมการค้าไทย-จีนและเศรษฐกิจเอเซียร่วมการประชุมว่าด้วยการพัฒนาด้านนวัตกรรมและความร่วมมือเกี่ยวกับสุขภาพและสปาระหว่างไทย-จีนที่เมืองเซิ่นเจิ้น มณฑลกวางตุ้งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าในการประชุมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 2,500 คนได้แก่กลุ่มผู้ให้บริการด้านสุขภาพ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าเพื่อสุขภาพ นักวิจัยทางด้านผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและนักลงทุนด้านนวัตกรรมเพื่อสุขภาพและฝ่ายไทยมีนางสาวอภิญญา ปราโมช นายกสมาคมฯ นายเมฆินทร์ เอี่ยมสะอาด และนางสาวประจงจิต พลายเวช รองประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมฯ
ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหาความร่วมมือพัฒนาต่อยอดระบบการนวดแบบแพทย์แผนไทยผสมผสานกับการนวดแบบแพทย์แผนจีนมาให้บริการในการดูแลสุขภาพให้กับชาวจีนอย่างเต็มรูปแบบโดยตนได้กล่าวในที่ประชุมว่าประเทศไทยมีระบบการแพทย์แผนไทย ที่มุ่งเน้นการนำผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรมาแปรรูปเป็นสมุนไพรไทย มีการอนุรักษ์การนวดตามแบบฉบับโบราณที่ตกทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นและการดูแลสุขภาพแนววิถีธรรมชาติบำบัด ซึ่งกล่าวได้ว่าการนวดตามแบบแพทย์แผนไทยได้รับการยอมรับและเป็นที่ชื่นชอบในระดับสากล ซึ่งองค์กร UNESCO ได้ขึ้นทะเบียนนวดแผนไทยในบัญชีมรดกนวดไทย” หรือ “Nuad Thai, Traditional Thai Massage” ในบัญชีรายชื่อตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้แห่งมวลมนุษยชาติ (Representative List of the Intangible Cultural Heritage of Humanity – RL) เมื่อเดือนธันวาคม 2562หวังว่าอุตสาหกรรมสุขภาพ เทคโนโลยีการแพทย์ และวัฒนธรรมทางการแพทย์ของไทยซึ่งเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของไทยจะสามารถขยายตลาดได้มากยิ่งขึ้นและเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในประเทศจีน
นายอลงกรณ์ อดีตประธานคณะกรรมการบริหารนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์กล่าวว่า “เราได้หารือความร่วมมือกับกลุ่มบริษัทเหอเซียงกงผู้นำศูนย์สุขภาพในมณฑลกวางตุ้งซึ่งแสดงควาเชื่อมั่นและเห็นพ้องต้องกันที่จะนำระบบการนวดแบบการแพทย์แผนไทยและสมุนไพรไทยมาให้บริการผสมผสานกับแพทย์แผนจีนในการดูแลสุขภาพให้กับฐานลูกค้าในมณฑลกวางตุ้งและมณฑลอื่นๆ อย่างเต็มรูปแบบโดยเริ่มจากกลุ่มเหอเซียงกงซึ่งมีศูนย์สุขภาพตามศาสตร์การนวดแบบแพทย์แผนจีนมากกว่า 50 สาขาในมณฑลกวางตุ้งและมีโครงการขยายสาขาในประเทศจีนให้ครบ 100 แห่งภายในปี 2567“