
ผมเขียนเรื่องข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมให้อ่านมาหลายฉบับ เล่มนี้เลยอยากเขียนเรื่องเบาๆ สนุกๆ เกี่ยวกับการตลาดให้อ่านกันบ้างครับ จะพาไปรู้จักแบรนด์ระดับโลกที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ขนาดที่เป็นคอนเซ็ปต์หลักของการดำเนินการของแบรนด์เลยทีเดียว
วันนี้ผมใส่รองเท้า allbirds มาครับ บางท่านอาจจะไม่รู้จักแต่สำหรับสายสิ่งแวดล้อมหรือคนที่ทำงานแถว Silicon Valley จะรู้จักและคุ้นเคยกับแบรนด์ allbirds เป็นอย่างดี แบรนด์นี้เป็นแบรนด์ใหม่เพิ่งจะก่อตั้งเมื่อปี 2016 โดย Tim Brown และ Joey Zwillinger โดยปกติแล้วอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและรองเท้ารวมกัน ส่งผลกระทบด้านสภาพภูมิอากาศต่อโลกมากกว่า 8% ซึ่งเทียบเท่ากับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวน 3,990 ล้านเมตริกตันในปี 2016 ตามรายงานของ Quantis แต่รองเท้าของ allbirds มีคอนเซ็ปต์เรื่องการใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น ขนสัตว์ ยูคาลิปตัส ชานอ้อย รวมถึงเชือกรองเท้าที่ทำจากขวดพลาสติกรีไซเคิล แน่นอนย่อมต้องส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่ารองเท้าปกติทั่วไปแน่ๆ
พันธกิจของ allbirds คือการลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ให้เหลือครึ่งหนึ่งภายในสิ้นปี 2025 และลดลงเกือบเป็นศูนย์ภายในปี 2030 ในปี 2023 ที่ผ่านมา พวกเขาสามารถลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์เฉลี่ยของผลิตภัณฑ์ลงได้ 22% ซึ่งถือว่าเข้าใกล้เป้าหมายในแผน Flight Plan ปี 2025 เข้าไปทุกที ลองมาดูกันในรายละเอียดการปล่อยคาร์บอนฯของรองเท้า allbirds ปกติรองเท้าผ้าใบทั่วไปปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 13.6 kg CO2e/คู่ (ที่มา: Jennifer Chu, MIT News Office) แต่รองเท้า allbirds ที่ผมใส่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 2.94 kg CO2e/คู่ ไม่เพียงแต่ปล่อยคาร์บอนฯต่ำ แต่ allbirds ยังได้ชื่อว่าเป็นรองเท้าผ้าใบที่ ‘ใส่สบายที่สุดในโลก’ด้วย เป็นรองเท้าขวัญใจคนรุ่นใหม่สายทันสมัย รวมทั้งเซเลบริตี้ทั่วโลก เช่น บารัก โอบามา โอปราห์ วินฟรีย์ เอ็มมา วัตสัน แลร์รี เพจ (ผู้ร่วมก่อตั้งกูเกิล)
บริษัทมีปณิธานแน่วแน่ชัดเจน ไปจนถึงการตั้งชื่อแบรนด์ allbirds ที่มาจากบ้านเกิดของผู้ก่อตั้ง คือ นิวซีแลนด์ที่เป็นดินแดนแห่งนก เพราะก่อนที่มนุษย์จะเข้าไปนิวซีแลนด์เป็นเกาะที่มีแต่นก ไม่มีสัตว์บกที่เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ เลย จึงเป็นที่มาของชื่อแบรนด์ที่ดี (ประมาณว่ามนุษย์นั่นแหละตัวดีเลย ถ้ามีแต่นกคงจะดีไม่น้อย) มูลค่าของบริษัท ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 1,761 ล้านบาท (ข้อมูลจาก NASDAQ) และมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี แสดงให้เห็นถึงการตอบรับอย่างดีจากตลาด รองเท้าของพวกเขาขายไปมากกว่าหนึ่งล้านคู่ในสองปีแรก และได้รับการระดมทุนมหาศาลจนกระทั่งเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ได้ในปัจจุบัน
สำหรับท่านผู้อ่านที่สนใจอยากจะทดลองใส่ต้องบอกว่าในประเทศไทยยังไม่มีจำหน่าย (เพราะถ้าเข้ามาไทยตอนนี้ไม่รู้ว่าธุรกิจจะรอดหรือเปล่า) ใกล้ที่สุดน่าจะเป็นประเทศจีนที่ปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ หรือที่ประเทศญี่ปุ่นที่โตเกียวและโอซาก้า ส่วนรุ่นที่ผมแนะนำให้ลองใส่ดูก่อนคือ Tree Dasher2 และ Tree Runner ที่ใส่สบายสุดๆ ไปเลย ทำจากวัสดุธรรมชาติ และแน่นอนปล่อยคาร์บอนฯเพียง 5.48kg CO2e
การศึกษาแบรนด์แบบ allbirds สามารถนำมาปรับใช้กับบริษัทไทยได้มากมาย เพราะบริษัทในไทยถ้า จริงจังด้านสิ่งแวดล้อมก็มักจะสร้างแบรนด์ไม่เป็น ในขณะที่บริษัทที่มุ่งแต่สร้างแบรนด์ก็มักจะไม่ได้ดูแลสิ่งแวดล้อมเท่าที่ควร อันที่จริงแล้วทั้งสองเรื่องสามารถไปด้วยกันได้หากเรามีคอนเซ็ปต์ที่ชัดเจน และตั้งใจทำอย่างจริงจัง อย่าได้สงสัยว่าแบรนด์ที่มีคอนเซ็ปต์แบบนี้จะขายได้จริงหรือ เชื่อเถอะว่า Generation คนรุ่นใหม่เขาใส่ใจ และอุดหนุนกันอย่างจริงจังครับ