
โลกกำลังเผชิญกับ วิกฤตสิ่งแวดล้อมสามประการ (Triple Planetary Crisis) ประกอบด้วย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และ มลพิษสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นปัญหาที่เชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้งและกำลังคุกคามระบบนิเวศที่มนุษย์พึ่งพา การละเลยต่อวิกฤตเหล่านี้จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) สุขภาพของมนุษย์ รวมทั้งความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม การเตรียมการรับมือกับปัญหาดังกล่าว ประเทศจะต้องมีความพร้อม ประชาชนต้องเข้ใจและร่วมมือกัน
ประเทศไทยซึ่งมีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์และมีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันเป็นประเทศที่มีความเปราะบางสูงต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กำลังประสบทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ได้แก่ ปัญหาวิกฤติน้ำท่วม ภัยแล้ง การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล และสภาพอากาศแปรปรวนแบบสุดขั้ว ในระหว่างประเทศต่างๆมุงหน้าไปสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Green House Gas Emission) แต่ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ถูกปล่อยสู่บรรยากาศไม่ได้ลดลงเลย ทำให้เดือนมกราคม ปี 2568 อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงถึง 1.75 องศา C (เกินเป้าหมายของโลก 1.5 ) แล้วและได้สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจและสังคมอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน ความหลากหลายทางชีวภาพของไทยกำลังลดลงอย่างน่ากังวลจากการตัดไม้ทำลายป่า การทำประมงเกินขนาด การทำลายถิ่นอาศัยของสัตว์ป่า รวมทั้งการรุกรานของพืชและสัตว์ต่างถิ่น โดยผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และปัญหามลพิษทางอากาศ จาก PM2.5 ที่เกี่ยวข้องกันโดยช่วงอากาศแห้งแล้ง วิกฤติจากมลพิษทางอากาศก็จะสูงขึ้นด้วย จนกลายเป็นวาระแห่งชาติที่จต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เป็นรูปธรรม ทั้งในระดับประเทศและภูมิภาค นอกจากนี้ปัญหาน้ำเสีย ขยะ และของเสีย รวมทั้งขยะพลาสติกก็กำลังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อม ที่กลายเป็นปัญหาระดับโลกที่องค์การสหประชาชาติอยู่ในระหว่างการพัฒนากฎหมายหรืออนุสัญญาด้านการจัดการพลาสติก
ดังนั้น การดำเนินการเพื่อให้สามารถรับมือกับสามวิกฤตสิ่งแวดล้อมโลก (Triple Planetary Crisis): การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และมลพิษสิ่งแวดล้อม จึงเป็นสิ่งจำเป็นรวมทั้งการเสริมสร้างศักยภาพของนักวิจัยไทยเพื่อให้สามารถพัฒนาโครงการวิจัยเพื่อให้ได้ข้อมูลหรือแนวทางในการรับมือกับวิกฤตสิ่งแวดล้อมสามประการอย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยการวิจัยเชิงประยุกต์ การฐูรณาการข้ามศาสตร์ การบูรณาการเชิงพื้นที่ การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือนักวิจัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จำนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ แล เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทาง เศรษฐกิจชีวภาพ–หมุนเวียน–สีเขียว (BCG Economy

Model) ตามวาระแห่งชาติ ข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) และกรอบความตกลงว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ Kunming-Montreal รวมทั้งเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ
ประเทศไทยอยู่ในช่วงเวลาสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน การเผชิญกับ วิกฤตสิ่งแวดล้อมสามประการ จำเป็นต้องอาศัยทั้งองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ความร่วมมือข้ามภาคส่วน และนวัตกรรมเชิงนโยบาย โครงการนี้จึงมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพบุคลากร การวิจัยเชิงประยุกต์ และการบูรณาการนโยบายเพื่อให้ประเทศไทยสามารถรับมือกับปัญหาสิ่งแวดล้อมได้อย่างเป็นระบบ






