ฉลากเขียวไทยก้าวสู่เวทีโลก! ตอกย้ำบทบาทผู้นำด้านความยั่งยืน ผ่านความร่วมมือระดับนานาชาติ


เรียบเรียงโดย ดร.วิจารย์ สิมาฉายา

ยอมรับว่าทุกวันนี้โลกเผชิญกับแรงกดดันจากวิกฤตสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นทำให้หลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้องลุกขึ้นมาให้ความสำคัญและมุ่งมั่นในการก้าวเดินบนแรงกดดันที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับภาคอุตสาหกรรมต่างๆและภาครัฐทั่วโลกต่างออกมาประกาศตนว่าจะมุ่งสู่ “การพัฒนาที่ยั่งยืน” ดังนั้น ในยุคที่ทั่วโลกมุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน “การผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืน” ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เป้าหมายที่ 12 (SDGs12)จึงไม่ใช่เพียงแนวคิดอีกต่อไป หากแต่เป็นพันธสัญญาที่ทุกประเทศต้องร่วมกันขับเคลื่อน และหนึ่งในกลไกสำคัญที่เป็นทั้งใบเบิกทางสู่โอกาสทางการค้าและเครื่องมือสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค รวมทั้งช่วยให้ผู้บริโภคเลือกอย่างมีความรับผิดชอบ คือ “ฉลากสิ่งแวดล้อม” เครื่องหมายเหล่านี้จึงไม่ใช่แค่สิ่งที่ติดลงบรรจุภัณฑ์ แต่เป็นสัญลักษณ์สะท้อนความใส่ใจของผู้ผลิต ที่ส่งต่อผู้บริโภค

ประเทศไทยได้ตอกย้ำบทบาทการเป็นผู้นำด้าน การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน อย่างเป็นรูปธรรมอีกครั้ง ผ่านการเข้าร่วมประชุมและลงนามความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์บนเวทีโลก เมื่อวันที่ 13–17 ตุลาคม 2568 โดยสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) ในฐานะหน่วยรับรอง ฉลากเขียวประเทศไทย (Thai Green Label) ได้เข้าร่วมการประชุมประจำปีของเครือข่ายฉลากสิ่งแวดล้อมโลก (Global Ecolabelling Network: GEN) ประจำปี 2025 ณ กรุงทาชเคนต์ สาธารณรัฐอุซเบกิสถาน ซึ่งมีองค์กรสมาชิกจากกว่า 30 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วม ท่ามกลางความมุ่งมั่นที่จะยกระดับมาตรฐานฉลากสิ่งแวดล้อมร่วมกัน

ไฮไลท์สำคัญของการประชุมครั้งนี้คือการที่ ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI) ได้ร่วมลงนามในข้อตกลงความร่วมมือที่สำคัญถึง 2 ฉบับ โดยฉบับแรกนับเป็น “ก้าวประวัติศาสตร์” ของวงการฉลากสิ่งแวดล้อมไทย นั่นคือบันทึกความเข้าใจ (MoU) ขยายความร่วมมือเพื่อเชื่อมโยงระบบฉลากสิ่งแวดล้อมประเภทที่ 1 (Type I Ecolabel) สู่การยอมรับร่วมกันในระดับสากล ภายใต้ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลอุซเบกิสถานและพันธมิตรนานาชาติ 5 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น ตุรกี สิงคโปร์ ไทย และยูเครน ยิ่งไปกว่านั้น ความร่วมมือยังได้ลงลึกในระดับอุตสาหกรรมเฉพาะทางผ่านข้อตกลงฉบับที่สอง คือข้อตกลงการยอมรับร่วมกันสำหรับผลิตภัณฑ์ซีเมนต์ (Mutual Recognition Agreement: MRA) ระหว่าง ไทย–สิงคโปร์–ศรีลังกา ซึ่งจะช่วยลดความซ้ำซ้อนในกระบวนการรับรอง ทำให้ผลิตภัณฑ์ซีเมนต์ฉลากเขียวของไทยสามารถส่งออกและเป็นที่ยอมรับในตลาดทั้งสองประเทศได้ง่ายขึ้น นับเป็นการส่งเสริมการค้าและขยายตลาดให้อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของไทยโดยตรง ซึ่งสะท้อนบทบาทเชิงรุกของ TEI ในการสนับสนุนนโยบาย เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และ การขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) ที่เป็นวาระสำคัญของประเทศ

นอกเหนือจากการลงนามในเวทีโลกอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว ประเทศไทยยังได้แสดงศักยภาพในฐานะผู้นำที่มีประสบการณ์ยาวนาน โดยร่วมแบ่งปันความสำเร็จของฉลากเขียวไทยที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเสนอแนว

ทางการพัฒนาเกณฑ์สำหรับวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะซีเมนต์คาร์บอนต่ำ และการเชื่อมโยงกับนโยบาย การจัดซื้อจัดจ้างสีเขียว (GPP) ของภาครัฐ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ

 “การลงนามครั้งนี้เป็นเครื่องยืนยันว่ามาตรฐาน ‘ฉลากเขียว’ ของไทย ซึ่งเรามุ่งมั่นพัฒนามากว่า 3 ทศวรรษ เป็นที่ยอมรับในระดับสากลอย่างแท้จริง การเปิดประตูการค้าสู่ตลาดใหม่ในเอเชียกลางและยุโรปตะวันออกนี้ จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทยที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม สถาบันสิ่งแวดล้อมไทยพร้อมที่จะสนับสนุนภาคธุรกิจอย่างเต็มที่ เพื่อนำผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของไทยไปสู่เวทีโลก และขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน”

การเข้าร่วมประชุมเครือข่ายฉลากสิ่งแวดล้อมโลกในครั้งนี้ เป็นมากกว่าเพียงการเข้าร่วมงานในเวทีนานาชาติ ที่นำความสำเร็จของประเทศไทย ปลดล็อกโอกาสทางการค้าให้แก่ผู้ประกอบการไทยเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศกำลังเดินมาถูกทาง และเราพร้อมแล้วที่จะเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียวของโลกเพื่อสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทย และร่วมผลักดันให้โลกก้าวสู่ความยั่งยืนไปพร้อมกัน


Comments

No comments yet. Why don’t you start the discussion?

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *