กรุงศรี ฟินโนเวต เผย 6 เทรนด์สตาร์ทอัพสุดปัง ปี 2021
ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังคงไม่จางหายและอาจจะวนเวียนอยู่ในชีวิตของพวกเราอีกพักใหญ่ ปฏิเสธไม่ได้ว่าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีนั้นกลับได้รับอานิสงส์อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะธุรกิจสตาร์ทอัพดิจิทัลที่มาแรงแซงทุกโค้ง มีความจำเป็นและเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับทุกๆ ธุรกิจไปโดยปริยาย ดังนั้นหากต้องการที่จะปรับตัวเปลี่ยนแปลงเพื่อเกาะขบวนรถไฟนี้ไปด้วยกัน จึงควรต้องรู้และทำความเข้าใจกับเทรนด์เทคโนโลยีที่กำลังหมุนไปในทิศทางใด ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจลงทุน สร้างและต่อยอดธุรกิจของตัวเองได้อย่างแม่นยำ
หลายสำนักคาดการณ์ว่าปี 2021 จะเป็นปีที่ร้อนแรงมากขึ้นไปอีกสำหรับวงการสตาร์ทอัพในประเทศไทย สังเกตได้จากพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคนี้ที่เปิดใจรับเทคโนโลยีดิจิทัลใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ให้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาท สอดรับกับไลฟ์สไตล์ใหม่ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายเหมือนใจสั่ง ไม่จำเป็นต้องเดินทางออกจากบ้านก็ยังสามารถทำทุกอย่างได้ผ่านเทคโนโลยีที่เป็นตัวช่วยสำคัญ เหมือนอย่างบริการยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล (National Digital ID : NDID) เทคโนโลยีที่ใช้ตรวจพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล
(e-KYC) ซึ่งมาตอบโจทย์บริหารจัดการ Digital ID เพื่อสร้างมาตรฐานและยกระดับการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์นั่นเอง ให้สามารถยืนยันตัวตนเพื่อรับบริการต่างๆ จากทางภาครัฐและเอกชน เช่น เปิดบัญชีเงินฝาก บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ บัญชีกองทุน ผ่านโมบายแอปพลิเคชันของผู้ให้บริการ โดยผู้ใช้บริการไม่ต้องเดินทางไปแสดงตัวตน ณ สถานที่ทำการนั้นๆ
ในเมื่อยังมีโอกาสทองซ่อนอยู่ในภาวะวิกฤติเสมอ กรุงศรี ฟินโนเวต Corporate Venture Capital (CVC) ในเครือกรุงศรี จึงได้ออกมาวิเคราะห์แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจสตาร์ทอัพของไทยที่จะโตสวนกระแสและครองใจผู้บริโภคในปีนี้ได้อยู่หมัด กับ 6 Startup Technology Trends in 2021 ต่อไปนี้
1. Robo-Advisory Wealth Management แพลตฟอร์มขายกองทุนผ่านออนไลน์ ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากสามารถซื้อขายได้ทุกกองทุนในประเทศ แล้วยังให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า เปิดบัญชีก็ทำได้ง่าย และมีระบบแนะนำการลงทุนให้เหมาะสมกับลูกค้าเป็นรายบุคคล ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีขายกองทุนผ่านออนไลน์นั้นได้รับความสนใจมานานกว่า 3 ปีแล้ว แต่ก็มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับและใช้อย่างแพร่หลายเป็นพิเศษในปีนี้อย่างแน่นอน
2. Peer to Peer Lending (P2P lending) การกู้ยืมเงินผ่านแพลตฟอร์มให้บริการทั้งกู้เงินส่วนบุคคลและ SME โดยไม่ผ่านธนาคาร เป็นทางเลือกที่ช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้สะดวกยิ่งขึ้น ด้วยต้นทุนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงของผู้กู้ และเพิ่มทางเลือกในการลงทุนของผู้ให้กู้ โดยในปีนี้จะมี startup หลายรายจากทั้งในและต่างประเทศที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มาเป็นตัวกลางเชื่อมระหว่าง SME ผู้กู้ และผู้ให้กู้รายย่อย ซึ่งต้องยอมรับว่าแพลตฟอร์มนี้มาในจังหวะที่ดีที่จะเข้าถึงลูกค้าได้ง่าย เพราะ SME ที่มีศักยภาพหลายรายที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ไม่สามารถขอกู้ธนาคารหรือได้รับอนุมัติยากมากนั่นเอง ในทางตรงกันข้าม startup อาจพบอุปสรรคในช่วงที่สภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่แน่นอน เลยทำให้ผู้ปล่อยกู้ไม่มั่นใจไปด้วย
3. Data Management Platform จะเป็นเทคโนโลยีที่ทั้งธุรกิจ SME และบริษัทขนาดใหญ่ (Corporate) กำลังพุ่งความสนใจมาที่แพลตฟอร์มนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากทุกบริษัทต่างก็มีข้อมูลมากมายที่ยังไม่สามารถจัดเรียงข้อมูลเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี หรือไม่สามารถวิเคราะห์และเอามาต่อยอดได้ รวมทั้งถ้าจะเลือกใช้บริการเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง Salesforce ก็มีราคาสูงเกินไป จึงเป็นโอกาสสดใสของ startup ไทยขนาดกลางและเล็กที่มีประสิทธิภาพและศักยภาพเข้าถึงกลุ่มลูกค้าคนไทยมากกว่า
4. e-Logistic เป็นเทคโนโลยีที่กำลังแข่งขันอย่างดุเดือดจากทั้ง startup ไทย และจีน เพื่อแย่งชิงตลาดการซื้อขายออนไลน์หรือ E-Commerce ที่เติบโตอย่างมหาศาล ซึ่งเราจะเห็นได้จากราคาขนส่งที่จะลดลงเรื่อย ๆ จากที่เคยมีผู้เล่นในตลาดน้อยจึงทำให้ราคาสูงถึง 50 บาทต่อชิ้นเมื่อ 2 ปีก่อน ในขณะที่ตอนนี้ผู้เล่นกลุ่ม e-Logistic มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นส่งผลให้ค่าส่งเหลือต่ำกว่า 20 บาท ผ่านการใช้เทคโนโลยี เพื่อลดต้นทุนให้ต่ำที่สุด
5. InsurTech เทคโนโลยีด้านประกันที่มาแรงตั้งแต่ปีก่อน จากสถานการณ์โควิด-19 ที่กระตุ้นให้เรื่องของสุขภาพและการใส่ใจในเรื่องของคุณภาพชีวิตที่ดีกลายเป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์ของโลก เติบโตพร้อมๆ กับการขายประกันโควิด-19 ในรูปแบบออนไลน์ และทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงความคุ้มครองหรือประกันง่ายขึ้น ซึ่งปัจจุบันเราจะเห็น startup หลายรายเข้ามาร่วมมือกับ บริษัทประกันแบบดั้งเดิม ด้วยการเพิ่มช่องทางการขายผ่านออนไลน์ในสัดส่วนที่มากขึ้น หรือนำมาเพิ่มประสิทธิภาพในการขายไม่ว่าจะผ่านสาขา หรือ ตัวแทนภายใต้รูปแบบดิจิทัล
6. Cryptocurrency Exchange ตั้งแต่ ก.ล.ต. ออกใบอนุญาตให้ startup ทำกระดานขาย digital currency ก็มีผู้เล่นเข้ามาหลากหลายจากทั้งในและต่างประเทศ โดยมีจุดขายที่การนำเสนอแบบไม่มีค่าธรรมเนียมในการเทรด และมีผลิตภัณฑ์ที่ฝากเหรียญแล้วให้ดอกเบี้ยสูงถึง 16% ต่อปี สังเกตได้จากความคึกคักในปีนี้ก็มาจากราคาของ Bitcoin ที่ทะยานสูงเกินกว่า 1 ล้านบาทต่อเหรียญไปแล้ว
และนี่คือ 6 Startup Technology ที่โดดเด่นที่สุดผ่านมุมมองและประสบการณ์ในแวดวงธุรกิจสตาร์ทอัพของกรุงศรี ฟินโนเวต ซึ่งสตาร์ทอัพเหล่านี้เป็นเทรนด์แห่งออนาคตที่พร้อมจะเปลี่ยนโฉมใหม่ให้ประเทศไทย และเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคมากขึ้น ขณะเดียวกันเทรนด์นี้ยังช่วยกระตุ้นให้เหล่า startup มีแนวทางในการพัฒนาศักยภาพของตนเองตามความรู้ประสบการณ์ และผลักดันให้เกิด startup ใหม่ ๆ ช่วยกันเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจไทยให้เติบโต