มุ่งมันและตั้งใจ บทละครแห่งความสุขของชีวิต
งานในวงการบันเทิงเป็นงานที่ตนเองรักและพร้อมทุ่มเททั้งตัวและหัวใจด้วยจิตวิญญาณของนักแสดงเพื่อสร้างรอยยิ้มและความประทับใจให้กับผู้ชมอันเป็นการเติมเต็มความสุขและกำลังใจในการก้าวเดินต่อไป
“โอกาส” เป็นนามธรรมที่จับต้องไม่ได้ แต่เชื่อหรือไม่ว่า มนุษย์ทุกคนต้องการมัน ซึ่งดีกรีความเพียรพยายามของแต่ละคนก็แตกต่างกันออกไป บางครั้งเราเลือกที่จะรอ แต่บางคนเลือกจะที่ไม่หยุดนิ่ง มองหาและไขว่คว้าเพื่อให้ได้ซึ่งโอกาส เขาพร้อมที่จะสร้างสรรค์โอกาสให้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา และในวันนี้ The Eyedal ฉบับเดือนธันวาคม2559 ปิดท้ายปีวอก เราจะนำพาผู้อ่านทุกท่านไปพบกับแง่มุมทางความคิดของดารานักแสดงหนุ่มน้องใหม่ ที่ชีวิตของเค้าไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่เริ่มจากศูนย์บนเส้นทางของวิชาชีพที่ตนรักบวกความเชื่อและความศรัทธาในการสร้างโอกาสทำที่ทำให้ตนมีวันนี้ อย่างภาคภูมิใจ คุณปรัชญ์ รุ่งศรีทองวัฒนา (เฟรม)
ช่วยเล่าให้เราฟังถึงเส้นทางชีวิตในการเข้าสู่วงการบันเทิง ได้อย่างไร?
เส้นทางชีวิตของผมคือการเรียนรู้ ผมศรัทธาและรักในทุกวิชาชีพ ผมเริ่มอาชีพแรกด้วยการเป็นสต๊าฟตามงานแสดงตามงานอีเว้นท์ต่างๆ ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับตนเอง ที่สำคัญใครจะรู้ว่านี่คือ “โอกาส” ในการถูกถาบทามให้มาเป็น“นายแบบ” หลังจากได้รับโอกาสผมก็ไม่เคยหยุดนิ่งด้านการพัฒนาและเรียนรู้ในวิชาการแสดง ฝึกฝนและหาเวทีในการโชว์ขีดความสามารถ ไม่ว่าจะเป็น การเข้าคัดเลือกงานโฆษณาต่างๆ ซึ่งในนั้นคือ โฆษณาขนมทิวลี่ ที่ทุกคนเคยจะผ่านตามาบ้าง
เข็มทิศสู่การเข้ามารับงานแสดงอย่างเต็มตัวของเฟรม มีความเป็นมาอย่างไร?
ภาพยนตร์เรื่อง I Love You ผู้ใหญ่บ้านกำลังเปิดรับแสดงอยู่ ผู้จัดเป็นรุ่นพี่ที่รู้จักกัน ซึ่งผมศรัทธาในเรื่องของโอกาสจึงเข้าคัดเลือกเพื่อรับบทบาทในบทพระเอก และในที่สุดก็ ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการ โดยตัวผมยัง งงๆอยู่555+ วินาทีแรกที่ได้ผ่านการทดสอบรู้สึกดีใจ มีพลัง ถือได้ว่าเป็นความท้าทายครั้งใหม่ของชีวิตอย่างแท้จริงที่จะได้นำเอาประสบการณ์ที่ผ่านมา มากลั่นกรองสร้างผลงานคุณภาพสู่สายตาประชาชน
จากการเป็นนายแบบ/เคยถ่ายโฆษณา แล้วก็กระโดดมาเล่นภาพยนตร์ การเล่นภาพยนตร์ยากไหม ?
ยอมรับตรงๆว่ายาก แต่ในคำว่ายากมีอะไรรอคอยเราอยู่ในนั้นอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ประสบการณ์ ความรู้ และที่สำคัญบันไดสู่การยอมรับจากประชาชน
กระแสจาก ภาพยนตร์เรื่อง I Love You ผู้ใหญ่บ้าน เป็นอย่างไรบ้าง ?
ต้องบอกก่อนเลยว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ส่วนใหญ่จะเป็นการสื่อสารด้วยภาษาอีสาน ผู้ชมในแทบภาคอีสานรู้จักเรามากขึ้น เนื่องด้วยหนังมีความสนุกสนานผสมผสานกับการถ่ายทอดภาษาพื้นเมืองยิ่งทำให้ผู้ชมรักและชื่นชอบเรา ที่ภาคภูมิใจเป็นที่สุด ภาพยนตร์เรื่อง I Love You ผู้ใหญ่บ้าน ได้โกอินเตอร์ไปยังกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว ที่เมืองเวียงจันทร์และปากเซ ซึ่งตัวเองก็เข้าไปนั่งชมผลตอบรับออกมาในทิศทางที่ดีมากๆ
แบบนี้เฟรมทำการบ้านอย่างไร ถึงได้เข้าไปอยู่ในหัวใจของผู้ชม ?
อันดับแรกภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องยอมรับว่าตัวเองไม่มีพื้นฐานความรู้ภาษาอีสานเลย เพราะผมเป็นคนหัวหิน แต่เราก็ได้ศึกษาและหาวิธีการเรียนรู้ แต่ส่วนใหญ่ในเรื่องผมจะพูดภาษากลาง เพราะบทคุณพ่อคุณแม่ในเรื่องสอนลูกให้พูดภาษากลาง ฉะนั้นแล้วการตีบทละครให้แตกเราต้อง “เข้าใจ” และ “ใส่ใจ” เป็นหัวใจสำคัญในการถ่ายทอด
อยากให้ฝากและแนะนำ ภาพยนตร์เรื่อง I Love You ผู้ใหญ่บ้าน ?
สำหรับบทละครสั้นๆ นั้น ในเรื่องจะแบ่งออกเป็นวัยรุ่นหนึ่งคู่กับผู้ใหญ่อีกหนึ่งคู่ โดยในเรื่องของผู้ใหญ่ ดำเนินเรื่องในการเปิดรับสมัครผู้ใหญ่บ้าน ส่วนบทแสดงของผม คู่วัยรุ่นจะเกี่ยวกับเรื่องการประกวดวงดนตรี โดยครอบครัวของพระเอกนางเอกไม่ถูกกัน แข่งขันกัน แต่ทุกอุปสรรคก็ก่อเกิดเป็นความรัก ไม่เพียงเท่านั้นภายในเรื่องยังสอดแทรกข้อคิดในเรื่องคุณธรรมและจริยธรรมในการไปปรับใช้ในชีวิตได้ด้วย
นอกจากมุมมองในเรื่องงาน มุมที่แสดงออกถึงความเป็นตัวตนของเฟรมมุมไหนที่อยากถ่ายทอดออกมาให้ผู้อ่านเห็นอีกบ้าง ?
หลายคนมองว่าตนมีชีวิตการงานที่ดี ถูกต้องใช่ครับ แต่กว่าจะมีวันนี้ เส้นทางชีวิตที่ผ่านมาผมเริ่มจากศูนย์ เริ่มทำงานตั้งแต่ตอนเรียน หมั่นหาโอกาสให้กับตนเอง และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในงานที่รักจนก้าวมาถึงวันนี้ ที่สำคัญที่สุด ผมตระหนักในเรื่องของ “ความกตัญญูกตเวที” ต่อผู้มีพระคุณทุกคนด้วยการประพฤติและปฏิบัติในสิ่งที่ดี
หลังจากการทำงานที่หนักหน่วง เฟรมเติมพลังใจและกายให้กับตัวเองอย่างไรบ้าง ?
ผมเป็นคนชอบออกกำลังกาย รวมทั้งการใส่ในเรื่องของการรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ รวมทั้งการสร้างพื้นที่สีเขียวจากธรรมชาติโดยรอบ เพราะสุขภาพที่ดีช่วยให้เรามีพลังในการทำงาน
ในฐานะคนรุ่นใหม่ เฟรมจะส่งเสริมและตระหนัก ถึงความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างไร ?
แน่นอนวิธีที่ง่ายที่สุดคือการไม่เพิ่มภาระให้โลก สิ่งแรกเลยและเป็นสิ่งที่ง่ายมากคือ การจัดการขยะเป็นวิธีหนึ่งที่ตนได้ทำเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็น คัดแยกขยะ นำเศษขยะที่เป็นพิษไปจัดเก็บและทำลายอย่างถูกวิธี เพราะการบริหารขยะอย่างรู้คุณค่า เป็นหนึ่งทางเลือกในการช่วยดูแลรักษาโลกให้น่าอยู่สดใสตลอดไป
การไม่หยุดนิ่งด้านการเรียนรู้ผสมผสานกับการมองหาโอกาสควบคู่ไปกับการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ทำให้เส้นทางของชีวิตเต็มเปี่ยมไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ทั้งในแง่ของความสุขและความภาคภูมิใจในงานที่ได้ทำ หนึ่งเรื่องราวที่แฝงไปด้วยมุมคิดต่างๆ มากมาย เป็นตัวอย่างที่สำคัญในการก้าวเดินของคนรุ่นใหม่ต่อไป ปรัชญ์ รุ่งศรีทองวัฒนา